Low Carbon = โอกาสธุรกิจ 3 เด้งของ SME เปิดประตูส่งออก-ขายของให้รัฐ สร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต

Text: Neung Cch.


      คุณรู้ไหมว่า ตอนนี้ที่แม่สายฝนตกหนักเพียงคืนเดียวเท่ากับฝนทั้งเดือน ธารน้ำแข็งในสวิตเซอร์แลนด์ถล่มจนทำลายสภาพแวดล้อม หรือแม้แต่เต่าทะเลที่กลายเป็น “สาวโสด” เพราะอุณหภูมิโลกสูงทำให้ตัวผู้ฟักไข่ลดลง เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึง “แรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจ” ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกธุรกิจ สัญญาณเหล่านี้บ่งบอกว่าเรากำลังเผชิญกับ “Big Wave” ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน

      สำหรับ SME ไทย ที่ถ้ามองเห็นโอกาสและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว จะสามารถคว้าโอกาสทองจาก “เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy)” ได้มากกว่าแค่ช่วยโลก เพราะยังได้สิทธิ์ 3 เด้ง ทั้งลดต้นทุน เปิดประตูสู่ตลาดใหม่ และขายของให้ภาครัฐได้โดยง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเสี่ยงโดนภาษีคาร์บอน รวมถึงลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน นั่นหมายถึงกำไรที่จับต้องได้จริง

      นี่คือภาพรวมเส้นทางและตัวอย่างจริงของ SME ที่เริ่มก้าว และกำลังวิ่งได้ไกลกว่าที่คิด

โอกาสใหม่ของ SME กับ “เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ”

     หลายคนอาจมองว่า ESG หรือการทำธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เป็นภาระเพิ่มต้นทุน โดยเฉพาะกับ SME ที่มีทรัพยากรจำกัด แต่ในความจริง การทำธุรกิจแบบ Low Carbon คือการบริหารทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดของเสีย และแปลง “ขยะ” ให้กลายเป็นวัตถุดิบใหม่ที่สร้างมูลค่าให้ธุรกิจ

     ดร. ก้องเกียรติ สุริเย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรีน สแตนดาร์ด จำกัด กล่าวในงานเสวนา “พลิกเกมฝ่าวิกฤต 360” จัดโดย SME D Bank ชี้ว่า “ก่อนที่ขยะจะเป็นขยะ มันคือทรัพยากร ถ้าคุณจัดการดี คุณจะได้วัตถุดิบกลับมาใช้ในธุรกิจ ลดต้นทุนได้ทันที” พร้อมเน้นย้ำว่า Low Carbon ให้แต้มต่อถึงสามเด้ง ได้แก่ ลดต้นทุน, ได้คาร์บอนเครดิต และเปิดตลาดใหม่โดยไม่มีอุปสรรคด้าน Geopolitics

ทำไม Low Carbon ถึงเป็นโอกาสทองของ SME? 

      - ความคล่องตัวของ SME: ไม่เหมือนองค์กรใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงยาก ติดข้อจำกัดเรื่องพื้นที่หรือต้นทุนมหาศาล SME มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับกระบวนการผลิตให้เป็น Low Carbon ได้ง่าย เช่น เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้ทรัพยากร หรือรีไซเคิลของเสียในกระบวนการผลิต 

     - คาร์บอนเครดิต – สกุลเงินใหม่ของโลก: คาร์บอนเครดิตไม่ใช่แค่ใบรับรอง แต่คือ “สกุลเงิน” ที่ทุกประเทศยอมรับ ไม่มี Geopolitics มาปิดกั้น ไม่ว่าคุณจะไปจีน BRICS หรือ G7 คาร์บอนเครดิตคือตั๋วทองที่ทุกคนต้องการ และ SME สามารถสร้างเครดิตนี้ได้จากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต 

     - ตลาดใหม่ที่ไร้พรมแดน: การทำ Low Carbon ทำให้ SME เข้าถึงโอกาสในตลาดโลก โดยเฉพาะยุโรปและกลุ่มประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น CP ที่ลงทะเบียนสินค้า Low Carbon กว่า 200 รายการ ส่งออกได้ดีขึ้นเพราะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม 

     - นโยบายรัฐและอีเวนต์ใหญ่หนุนเต็มสูบ: รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2032 พร้อมผลักดัน “Green Procurement” หรือการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว สินค้าที่จะเข้าไปในระบบของรัฐต้องรายงาน Carbon Footprint ซึ่งเป็นโอกาสให้ SME ที่ปรับตัวเร็วได้เข้าไปอยู่ใน Vendor List ของรัฐและหน่วยงานใหญ่ นอกจากนี้ ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ ซีเกมส์ 2025 (9-20 ธันวาคม) จะจัดงานในรูปแบบ Low Carbon ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ไปจนถึงพิธีเปิด-ปิด นี่คือโอกาสที่ SME สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานได้ทันที

ตัวอย่างความสำเร็จ: กาแฟเชียงใหม่สู่ธุรกิจ Low Carbon ระดับโลก

     หลายคนอาจยังรู้สึกว่าแนวคิดธุรกิจ Low Carbon ฟังดูไกลตัว โดยเฉพาะกับ SME ขนาดเล็กที่ไม่ได้มีทุนหรือเทคโนโลยีล้ำหน้า แต่ ดร. ก้องเกียรติ สุริเย ได้ยกตัวอย่างจริงที่พิสูจน์ว่า “ความยั่งยืน” ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากของใหญ่เสมอไป เพราะแม้แต่ธุรกิจกาแฟเล็กๆ ในเชียงใหม่ก็สามารถก้าวสู่เวทีโลกได้ด้วยแนวคิด Low Carbon ที่จับต้องได้

     ธุรกิจแห่งนี้เลือกปรับกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มจากการปลูกกาแฟแบบยั่งยืน หยุดใช้ปุ๋ยเคมีที่ปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึ่งมีค่าความรุนแรงในการทำลายชั้นบรรยากาศมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 298 เท่า จากนั้นเปลือกกาแฟซึ่งเคยเป็นของเสียก็ถูกนำมาร่วมวิจัยกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จนกลายเป็น “Novel Food” — เครื่องดื่มทางเลือกที่มีคุณสมบัติลดคอเลสเตอรอล

    ผลลัพธ์คือการลดต้นทุนจากการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพิ่มรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ และยังสามารถสร้างคาร์บอนเครดิตที่นำไปต่อยอดในตลาดได้จริง พร้อมเปิดประตูสู่กลุ่มผู้บริโภคสายสุขภาพและรักษ์โลกทั้งในและต่างประเทศ

Low Carbon ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือวิถีชีวิต

     ที่น่าทึ่งคือ แนวคิด Low Carbon ไม่ได้จำกัดแค่ธุรกิจใหญ่ แต่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น โดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น งานทอดกฐินอัมพวาที่ใช้ผ้าไตรจีวรจากขวด PET รีไซเคิล 100% ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในวันที่ 9–20 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะดำเนินงานภายใต้แนวคิด Low Carbon ทั้งหมด ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ไปจนถึงพิธีเปิด-ปิด นี่คือโอกาสที่ SME สามารถเข้ามามีบทบาทและสร้างรายได้ในห่วงโซ่อุปทานได้ทันที

     ในอีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยในฐานะประเทศเกษตรกรรม ยังมี “ขยะที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์” อีกมหาศาล เช่น ฟางข้าวกว่า 30 ล้านตัน/ปี ที่ถูกทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งที่สามารถนำมาแปรรูปเป็น “เม็ดเชื้อเพลิง (Pellet)” ใช้ทดแทนถ่านหินได้ทันที ด้วยต้นทุนต่ำและวัตถุดิบแทบไม่มีมูลค่า

     “ขยะเหล่านี้คือทรัพยากรที่รอการปลดล็อก” ดร. ก้องเกียรติ สุริเย

     นี่คือตัวอย่างของการเปลี่ยน “ขยะ” ให้กลายเป็น “กำไร” อย่างแท้จริง และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบจับต้องได้ SME ที่มองเห็นก่อน ลงมือก่อน ย่อมได้เปรียบ

เมื่อยักษ์ใหญ่ยังขยับ… SME จะรออะไร?

     ในขณะที่ SME หลายรายยังลังเลอยู่ว่าการเปลี่ยนไปสู่ Low Carbon จะคุ้มค่าหรือไม่ บรรดาบริษัทใหญ่กลับเดินหน้าลงมืออย่างจริงจัง เพราะมองเห็นว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบต่อโลก แต่คือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่จะพาองค์กรให้รอดและโตในระยะยาว

     หนึ่งในตัวอย่างชัดเจนคือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ที่ลงทุนปรับสินค้ากว่า 200 รายการ ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ Low Carbon พร้อมเตรียมเปิดตัว ไส้กรอกแผ่น Low Carbon ตัวแรกของประเทศไทย เพื่อจับตลาดผู้บริโภครักษ์โลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

     ไม่เพียงแค่นั้น CP ยังวางแผน ปรับร้านสะดวกซื้อในเครือ ให้เป็น Low Carbon ตั้งแต่ระบบพลังงานไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ พร้อมยืนยันว่า:

     “ทุกการลงทุนคุ้มค่าโดยไม่ต้องขึ้นราคาสินค้า”

     ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือ ยอดส่งออกที่ดีขึ้น ในตลาดยุโรปและประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งให้ความสำคัญกับสินค้ารักษ์โลกมากขึ้นทุกปี

     นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า Low Carbon ไม่ใช่เรื่องของคนตัวเล็กหรือใหญ่ แต่คือ “ทางรอดใหม่ของธุรกิจทุกขนาด”

     ถ้ายักษ์ใหญ่ที่มีต้นทุนสูงและระบบซับซ้อนยังกล้าเริ่มต้น แล้ว SME ที่คล่องตัวและปรับตัวได้เร็วกว่า จะรออะไรอยู่?

     อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นกำลังบอกเราทุกคนว่า “การปรับเปลี่ยน” ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือความจำเป็น

และในทุกความจำเป็น...มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอสำหรับผู้ที่กล้าคิด กล้าทำ และขยับให้ไว

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ขายดีจนต้องจำกัดการซื้อ! LoafyCo Bakery ขายขนม 2,000 ชิ้นต่อวัน เพราะคนต่อคิวซื้อไม่หยุด

ไม่ง่ายเลยที่ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ย่านชานเมืองจะมีคิวแน่นหน้าร้านทุกวัน จนต้องจำกัดจำนวนการซื้อ แต่ LoafyCo Bakery House คือข้อยกเว้นนั้น จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่ยอดขายวันละ 1,000-2,000 ชิ้น และรายได้ 4 ล้านต่อเดือน..ทำได้อย่างไร?

“แหนมวาสนา” จากรสมือแม่..สู่แบรนด์อาหารอีสาน ที่มุ่งมั่นพัฒนาส่งต่อวัฒนธรรมอาหารอีสานสู่ครัวโลก

ในทุกคำของแหนมวาสนา ไม่ได้มีแค่รสเปรี้ยวกลมกล่อมของอาหารอีสาน แต่ยังเต็มไปด้วยความรักและความตั้งใจของครอบครัว ที่ส่งต่อจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก นิชา-ณัฐธีรยา ชัยวิสิทธิ์  ที่พลิกโฉมแหนมวาสนาให้กลายเป็นแบรนด์อาหารพื้นถิ่นที่ก้าวสู่เวทีระดับโลก