Text : Ratchanee P.
Photo : Sunun Lorsomsub
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ในย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ จะสามารถสร้างปรากฏการณ์ให้ผู้คนมายืนต่อคิวรอซื้อขนมได้ตลอดทั้งวัน โดยไม่มีแคมเปญการตลาดหวือหวา หรืองบโฆษณาขนาดใหญ่ แต่ LoafyCo Bakery House คือข้อยกเว้นที่น่าจับตา
ร้านขนมเอเชียนเบเกอรี่นี้ก่อตั้งโดย ส้ม – สโรชา เกิดผล ได้กลายเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากการบอกต่อ ด้วยจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่อง “คุณภาพ” และ “ความแตกต่าง” ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ วัตถุดิบ หรือความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต
ทุกวันนี้ LoafyCo มียอดขายเฉลี่ยวันละ 1,000–2,000 ชิ้น และสร้างรายได้สูงถึง 4 ล้านบาทต่อเดือน สิ่งนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของแบรนด์เล็กๆ ที่เติบโตได้จากความตั้งใจจริง
จากบทเรียน สู่แบรนด์ขนมที่ผู้คนต่อคิวทุกวัน
“ส้มเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เริ่มจากลองขายอาหารคลีน กราโนล่า ซึ่งตอนนั้นตลาดยังไม่รู้จักหรือเข้าใจมากนัก ต้นทุนก็สูง แถมไม่มีโรงงานรองรับ สุดท้ายต้องยอมแพ้ เพราะไปต่อไม่ไหว”
คำบอกเล่าจากส้มที่ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทางผู้ประกอบการ แม้การเริ่มต้นจะเต็มไปด้วยความท้าทายและจบลงด้วยความล้มเหลว แต่เธอไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นหยุดความตั้งใจ กลับกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่สอนให้เธอเข้าใจการควบคุมต้นทุน และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมา พร้อมเปิดทางให้เธอเดินหน้าต่อไป
เธอหันมาทำร้านอาหารในรูปแบบคีออสที่ตลาดรวมทรัพย์ แม้มีงบประมาณจำกัด แต่กลับสามารถสร้างยอดขายได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อการระบาดของโควิด-19 เข้ามา ส่งผลให้ร้านต้องปิดตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ท่ามกลางความไม่แน่นอน ส้มตัดสินใจเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง คราวนี้เธอเลือกเดินบนเส้นทางของขายเบเกอรี่ออนไลน์ ด้วยใจรักในการทำอาหาร แม้จะไม่เคยเรียนทำขนมอย่างจริงจัง แต่เธอกลับใช้เวลาเรียนรู้ผ่านยูทูป
“เป็นคนที่ชอบทำอาหาร แต่ไม่ได้ไปเรียนที่ไหนเลย ฝึกทำอาหารทำขนมจากยูทูป ทดลองปรับสูตรด้วยตัวเอง จนคิดว่าใช่ ถึงจะเริ่มลงมือทำ ตอนนั้นตั้งเป้าหมายให้ตัวเองต้องเริ่มขายให้ได้ภายในสองสัปดาห์ เพราะคิดต่อรีวิวจากเพจออนไลน์ไว้ล่วงหน้า ไม่มีใครบังคับเราได้ แต่อยากวางกรอบให้ตัวเอง ต้องทำให้ได้ภายในเวลานั้น มันเหมือนเป็นเดดไลน์ที่เราตั้งเอง และมันก็พาเราเดินหน้าต่อได้จริงๆ”
ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ตั้งแต่วันแรก ส้มวางจุดยืนของแบรนด์ LoafyCo ไว้อย่างชัดเจนในฐานะ “เอเชียนเบเกอรี่” ที่นำเสนอเมนูใหม่ๆ ในตลาดไทย พร้อมปรุงทุกสูตรด้วยตนเอง เพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำแก่ลูกค้า
“ตั้งแต่แรก เราอยากทำขนมที่คนไทยยังไม่คุ้นเคย เช่น กาลิคครีมชีส เนยถั่วแดง หรือเพรทเซลไส้ครีม เราอยากให้ขนมของเราแตกต่าง และเมื่อได้ลองชิมแล้วต้องประทับใจจนอยากกลับมาอีก ทุกเมนูเราคิดเอง ทดลองเอง”
เบื้องหลังความสำเร็จของ LoafyCo จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของสูตรขนมที่อร่อยไม่เหมือนใคร หากแต่คือการลงมือทำอย่างจริงจัง ความมุ่งมั่น และความกล้าที่จะสร้างความแตกต่าง
คิวยาวด้วยใจ ไม่ใช่แค่กระแส
เมื่อ “ชิโอะปัง” กลายเป็นเมนูยอดฮิต ขนมอบชิ้นเล็กๆ ของ LoafyCo ก็กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง พร้อมๆ กับผู้คนที่เดินทางมาต่อคิวแน่นตลอดทั้งวัน โดยเคยแจกบัตรคิวสูงสุดถึง 200 คิว คิวยาวจากชั้นสองลงมาถึงชั้นล่างของอาคาร ทีมงานจึงต้องปรับระบบการผลิตและการขายครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มรอบการอบเป็นวันละสามรอบ และกำหนดจำนวนการซื้อ เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสลิ้มลอง
แม้กระแสจะมีส่วนผลักดันให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่แท้จริงแล้ว “ชิโอะปัง” เป็นหนึ่งในเมนูแรกๆ ที่ LoafyCo เสิร์ฟมาตั้งแต่วันเปิดตัว และตลอดมาร้านยังคงยึดหลักการเดิมในการสร้างสรรค์เมนูที่หลากหลายและใส่ใจในทุกรายละเอียด
“เราอยากให้ลูกค้าหยิบอะไรก็อร่อย ไม่ใช่มีแค่เมนูฮิตที่เด่น แล้วเมนูอื่นธรรมดา ทุกชิ้นต้องถึงใจ เพราะเราใส่ใจทุกเมนูเหมือนกันหมด”
ในวันที่ยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ต้องเติบโตตามไปด้วยไม่ใช่แค่ระบบจัดคิวหรือกำลังการผลิต หากแต่คือ ความละเอียด และมาตรฐาน ที่ส้มยังคงยึดมั่นไม่เปลี่ยน แม้จะต้องแลกกับต้นทุนที่สูงขึ้น
“มีอยู่ครั้งหนึ่ง เนยถั่วแดงที่เราทำวางไว้นอกตู้เย็นนานไปหน่อย อากาศวันนั้นร้อนมาก เราดมแล้วรู้เลยว่ากลิ่นเปลี่ยน มีลูกค้าซื้อไปแล้ว เราให้พนักงานรีบวิ่งตามไปเปลี่ยนให้ลูกค้าทันที แล้วโละทิ้งล็อตนั้นทั้งหมด ต่อให้ลูกค้าไม่รู้สึกอะไร แต่เรารู้ เราก็ต้องรับผิดชอบ เพราะนั่นคือความไว้ใจที่เขามีให้เรา”
ขนมที่ดี เล่าเรื่องแทนแบรนด์ได้
ปัจจุบัน LoafyCo มียอดขายประมาณ 1,000–2,000 ชิ้นต่อวัน มีรายได้เฉลี่ยราว 4 ล้านบาทต่อเดือน สำหรับ LoafyCo ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่มีผู้คนต่อคิวยาวทุกวัน หัวใจของความสำเร็จไม่ใช่การตลาดที่หวือหวา แต่คือการยืนหยัดในแนวคิดว่าสินค้าที่ดีจะเล่าเรื่องของตัวเองได้ ขนมทุกชิ้นที่วางขาย จึงต้องอร่อยจริง มีคุณภาพจริง ก่อนจะถูกถ่ายทอดเรื่องราวสู่ลูกค้าด้วยความจริงใจ
“เรายึดถือว่าคุณภาพต้องมาก่อนเสมอ เพราะถ้าขนมไม่ดี ไม่ว่าจะทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจแค่ไหน ลูกค้าก็จะไม่กลับมา ดังนั้น จุดเริ่มต้นของทุกอย่างต้องอยู่ที่รสชาติและคุณภาพของขนม”
ภายใต้แนวคิด “Great Product and Great Service” LoafyCo ให้ความสำคัญกับทั้งคุณภาพสินค้าและการบริการ โดยเชื่อว่ารากฐานของแบรนด์ที่ดี ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ต้องจริงจังและสม่ำเสมอในทุกการกระทำ ทีมงานทุกคนจึงได้รับการปลูกฝังให้ใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงการดูแลลูกค้าหน้าร้าน
“เราใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจริงๆ เช่น เนยแท้ และไม่ลดมาตรฐาน แม้ต้นทุนจะสูงขึ้น ตลอดเวลาที่เปิดร้านมา เราไม่เคยลดคุณภาพเลย ลูกค้าประจำของเรากลับมาเพราะเขาเชื่อมั่นในคุณภาพ เราไม่เคยบอกว่าขนมของเราคือ ‘ที่สุด’ เพราะรสชาติเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่เรากล้าพูดว่าขนมของเราอาจเป็นรสชาติที่ถูกใจคนส่วนใหญ่มากที่สุด เพราะเราตั้งใจทำให้อร่อยที่สุดในแบบของเรา”
ด้านกลยุทธ์การสื่อสาร LoafyCo ให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอ ซึ่งทีมภายในของแบรนด์เป็นผู้ดูแลทั้งหมด ด้วยความเข้าใจลึกซึ้งในตัวสินค้า และแนวคิดเบื้องหลังแบรนด์
“เราทำคลิปกันเองภายในทีม เพราะเราเชื่อว่าความสม่ำเสมอในการเล่าเรื่องมีความสำคัญ และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ คนที่ทำคอนเทนต์ต้อง ‘อิน’ กับแบรนด์ เข้าใจรสชาติของขนม เข้าใจเจตนาของแบรนด์ เพราะเรามั่นใจว่า คนดูสามารถรับรู้ได้ทันทีว่า ผู้เล่าเรื่องเข้าใจสิ่งที่พูดหรือไม่”
นอกจากการสื่อสารภายนอก LoafyCo ยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารภายในทีมอย่างลึกซึ้ง ทุกคนตั้งแต่ฝ่ายผลิต พนักงานหน้าร้าน ไปจนถึงทีมการตลาด จะต้องรู้จักและเข้าใจขนมในทุกรายละเอียด ผ่านการชิมจริง และเรียนรู้จุดเด่นของแต่ละเมนูด้วยตัวเอง ซึ่งไม่ว่าใครในร้านก็สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับขนมให้กับลูกค้าได้
เติบโตแบบมั่นคง
LoafyCo เติบโตด้วยจังหวะที่มั่นคง ภายใต้แนวคิดที่ยึดถือมาโดยตลอดว่า ธุรกิจที่แข็งแรงควรสามารถพึ่งพาตัวเองได้ นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ทุกการขยายตัวของร้านล้วนมาจากกำไรของธุรกิจโดยตรง โดยไม่เคยพึ่งพาแหล่งเงินทุนใดๆ
“เราไม่อยากรีบโตจนคุณภาพลดลง ทุกวันนี้ขยายสาขาใหม่ก็ใช้กำไรจากร้านเดิม เรากำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่ The Circle ราชพฤกษ์ และมีแผนจะขยายเข้าเมืองในปีหน้า เช่น ทองหล่อ คุณพ่อบอกเสมอว่าให้เติบโตแบบมั่นคง ค่อยเป็นค่อยไป เราก็เลยใช้แนวทางนั้นมาตลอด”
แนวคิดของส้มสะท้อนให้เห็นถึงหลักคิดของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ไม่ได้มองเพียงการเติบโตเป็นเป้าหมาย แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความยั่งยืนของธุรกิจในทุกจังหวะก้าว
สิ่งที่เธอได้เรียนรู้ตลอดหลายปีของการทำธุรกิจ ไม่ใช่เพียงเรื่องการตลาด การพัฒนาสินค้า หรือการบริหารทีมเท่านั้น หากแต่เป็นหลักคิดที่เรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยพลัง นั่นคือการ เริ่มลงมือทำและไม่หยุดพัฒนา
“อย่าคิดเยอะจนไม่ได้เริ่ม ถ้าเราไม่เริ่ม เราก็ไม่มีโอกาสรู้ว่ามันจะเวิร์กไหม เราเริ่มจากสิ่งเล็กๆ แล้วค่อยปรับตามความต้องการของลูกค้า ทุกวันนี้เราก็ยังปรับอยู่เสมอ ไม่มีสูตรสำเร็จ แต่สิ่งที่ต้องมีแน่ คือความตั้งใจ และคุณภาพที่ส่งมอบให้ลูกค้าทุกคน”
ในวันที่หลายธุรกิจเลือกทางลัดเพื่อโตไว LoafyCo กลับเลือกทางเดินที่มั่นคง ค่อยเป็นค่อยไป ด้วยคุณภาพที่สั่งสมจากความตั้งใจในทุกชิ้นขนม เพราะเป้าหมายของแบรนด์นี้ ไม่ใช่แค่การขายดี แต่คือการสร้างแบรนด์ที่อยู่ได้อย่างยั่งยืน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี