ในยุคที่สุขภาพกลายเป็นไลฟ์สไตล์ระดับโลก และนวัตกรรมกลายเป็นทางรอดของเศรษฐกิจ 2 SME ไทยคือ บริษัทข้าวดินดี เจ้าของ พาสต้าถั่วเขียวออร์แกนิค จากนาข้าวสู่ซูเปอร์ฟู้ดระดับโลก และ บริษัท พีทูเอ อินโนเวชั่น จำกัด Hair Rise สเปรย์ป้องกันผมร่วง สะท้อนว่าไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทใหญ่ มีเงินทุนล้นมือ ถึงจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทั้งตอบโจทย์ตลาดและช่วยพัฒนาสังคมไปพร้อมกันได้ ที่สำคัญยังสามารถทำรายได้ 8 หลัก
พาสต้าไม่ได้มีดีแค่จากอิตาลี
จากถั่วเขียวหลังนา...สู่ซูเปอร์ฟู้ดระดับโลก “ข้าวดินดี” กับโมเดลธุรกิจที่เริ่มจากคำถามว่า เกษตรกรจะอยู่รอดได้อย่างไร วัชรากร กิจตรงศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัท ข้าวดินดี จำกัด เติบโตมากับชุมชนเกษตรในจังหวัดอำนาจเจริญ — หนึ่งในพื้นที่ที่เกษตรกรต้องทำนาน้ำฝนแบบไม่มีระบบชลประทาน ปีไหนฝนดีมีผลผลิต ปีไหนฝนแล้งต้องทำใจ ราคาข้าวก็ถูกกำหนดจากปลายน้ำ ไม่ใช่ต้นทาง
“ผมไม่อยากให้เกษตรกรต้องรอฝน หรือรอให้คนอื่นกำหนดราคาอีกต่อไป” นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ “ข้าวดินดี” ที่มุ่งยกระดับผลผลิตพื้นบ้าน ด้วยการแปรรูปให้มีมูลค่าเพิ่ม และวางรากฐานให้อยู่รอดในระยะยาว
เริ่มจากพาสต้าข้าว พัฒนาสู่พาสต้าถั่วเขียวออร์แกนิค โดยเลือกใช้ “ถั่วเขียว” ซึ่งเป็นพืชหลังนา ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ช่วงที่ไม่ได้ทำนา อีกทั้งยังเหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่แพ้กลูเต็นจากข้าวสาลี และตอบโจทย์สายเฮลตี้ เพราะมีโปรตีนสูง เส้นใยสูง และอุดมด้วยวิตามินบี
นวัตกรรมไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือการมอง “โอกาส” ที่คนอื่นมองไม่เห็น
ข้าวดินดีร่วมมือกับ สวทช. และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการพัฒนาสายพันธุ์ถั่วเขียว KUML ซึ่งมีจุดเด่นคือสุกพร้อมกัน เก็บเกี่ยวง่าย เมล็ดใหญ่ และทนแล้ง ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตในเวลาเดียวกัน
ผลลัพธ์คือ ข้าวดินดีสามารถรับซื้อถั่วเขียวจากเกษตรกรได้ปีละกว่า 20-30 ตัน คืนรายได้สู่ชุมชนกว่า 6 ล้านบาทต่อปี และพัฒนาพาสต้าถั่วเขียวออกมาแล้วถึง 8 รายการ
ที่สำคัญคือ ข้าวดินดีส่งออกสินค้าไปยัง สหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ รวมกว่า 80% ของยอดขาย สร้างรายได้รวมกว่า 10 ล้านบาทต่อปี และยังคงมองหาช่องทางขยายตลาดในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงซูเปอร์ฟู้ดฝีมือเกษตรกรไทยมากยิ่งขึ้น
Hair Rise: วิจัยไทยก็ไปถึงตลาดโลกได้
เมื่อสเปรย์ลดผมร่วงจากสมุนไพรพื้นบ้าน สร้างยอดขายปีแรกทะลุ 32 ล้านบาท
ในอีกมุมหนึ่งของประเทศ รศ.ดร.ภญ. วรินทร รักษ์ศิริวณิช อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งคำถามคล้ายกันว่า “ทำไมงานวิจัยไทยถึงไปไม่ถึงชีวิตจริง?”
จากงานวิจัยสมุนไพรต่อเนื่องกว่า 20 ปี เธอพัฒนา “Hair Rise Complex” สารสกัดจากรำข้าว 7 สายพันธุ์ ใบฝรั่ง กาแฟ หอมแดง ชะเอมเทศ ฯลฯ มารวมกันเป็นสารออกฤทธิ์ที่เน้นการฟื้นฟูรากผมอย่างตรงจุด โดยไม่ซึมเข้าสู่ระบบร่างกาย จึงปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง
จุดเริ่มต้นของ Hair Rise ไม่ใช่โมเดลธุรกิจ แต่คือความเชื่อที่ว่า งานวิจัยไทยต้อง “ขายได้จริง” และ “แก้ปัญหาได้จริง”
ภายหลังได้ทีมพาร์ทเนอร์มาช่วยเรื่องแพ็กเกจจิ้ง การตลาดออนไลน์ และช่องทางจัดจำหน่าย ทำให้ Hair Rise กลายเป็นนวัตกรรมที่ปังทั้งยอดขายและผลกระทบทางเศรษฐกิจในปีแรก
งานวิจัยที่ช่วยชุมชน ไม่ใช่แค่ขายดี
Hair Rise ไม่เพียงแค่ขายดีในออนไลน์ แต่ยังยึดโมเดล “ธุรกิจเพื่อสังคม” อย่างแท้จริง ด้วยการรับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรในภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย) ในราคาสูงกว่าท้องตลาด พร้อมทำ Contract Farming กับชาวนาในเครือข่าย
ปัจจุบัน Hair Rise มีสินค้า 4 รายการ ได้แก่ สเปรย์ขนาด 100 มล. / 20 มล., โรลออน และแชมพู และกำลังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลครบวงจรทั้ง “ภายใน-ภายนอก” โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานและวัยเกษียณ
พาสต้าถั่วเขียวออร์แกนิค และ Hair Rise ไม่ใช่แค่สินค้านวัตกรรม แต่คือโมเดลธุรกิจที่เริ่มจากความเข้าใจปัญหา ลงมือทำจริง และสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม 2 ที่มีรางวัล “7 Innovation Awards 2025” เป็นเครื่องการันตี
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี