‘เช่าลูก’ ไอเดียธุรกิจรับเทรนด์ผู้สูงอายุ ไม่ต้องมีลูกเป็นของตัวเอง ก็มีคนไว้คอยดูแล

Text : Nitta Su.

Photo : Buddy Home Care


     ในสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ขณะที่อัตราการเกิดกลับลดลงสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัด จากค่านิยมไม่อยากมีลูก หรือใช้ชีวิตอยู่เป็นโสดกันมากขึ้น ใครจะคิดว่าวันหนึ่ง เราอาจต้องหันมาใช้บริการ “เช่าลูก” เพราะไม่มีลูกทันใช้เป็นของตัวเอง เหมือนกับคำโบราณที่เคยพูดว่า “มีลูกไว้ทันใช้” ได้

     แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจากไอเดียของ แบงค์-ทศวรรษ บุญมา ผู้บริหาร Buddy Home Care ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ล่าสุดเปิดตัวบริการรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “เช่าลูก” ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลา โดยเฉพาะการดูแลผู้สูงอายุ จ่ายเพียงแค่ชั่วโมงละ 350 บาท ก็สามารถมีลูกหลานทันใช้เป็นของตัวเองได้ง่ายๆ

แตกต่างอย่างเข้าใจ

     ก่อนจะเล่าถึงรูปแบบไอเดียดังกล่าว แบงค์เกริ่นถึงตัวธุรกิจหลักให้ฟังก่อนว่า บั๊ดดี้ โฮมแคร์ คือ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ให้บริการรับดูแลผู้สูงวัยตามบ้าน ซึ่งแตกต่างจาก Nursing Home หรือบ้านพักคนชราทั่วไปที่ส่วนใหญ่มักให้บริการอยู่ภายในศูนย์

     โดยนอกจากจะทำธุรกิจ บั๊ดดี้ โฮมแคร์ ยังมีภารกิจสำคัญอยู่ 2 ส่วน คือ 1) การช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา โดยมีทุนการศึกษาหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมงจากสถาบันที่ได้มาตรฐาน ได้แก่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงเรียนนครพิงค์อภิบาลกิจ หลังจากเรียนจบ ก็สามารถเข้าทำงานกับทางศูนย์ได้เลย 2) เป็นจิตอาสาเข้าไปช่วยดูแลผู้สูงอายุยากไร้ในชุมชนต่างๆ ในพื้นที่เมืองเชียงใหม่ โดยนำมาจากเงินกำไรที่ได้จากการให้บริการ และอีกส่วนหนึ่งจากการรับบริจาค เช่น การเข้าร่วมโครงการกับแพลตฟอร์มเทใจ เป็นต้น

     “จริงๆ แล้ว บั๊ดดี้ โฮมแคร์ เราเป็นกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่ต่อยอดจากการดำเนินโครงการอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ เราจึงดูแลทั้งสองส่วน คือ การทำงานกับเด็กและเยาวชน และผู้สูงอายุ รูปแบบการให้บริการของเราแตกต่างจากศูนย์รับดูแลผู้สูงอายุทั่วไป คือ เราให้บริการดูแลที่บ้าน เพราะมองว่าหากเลือกได้ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกอยากไปอยู่อาศัยที่อื่น แต่ต้องการอยู่ที่บ้านมากกว่า”

     แบงค์อธิบายรูปแบบการให้บริการเพิ่มเติมว่า มีทั้งแบบเช้าไป-กลับ และอยู่ประจำเป็นรายเดือน ค่าบริการต่อหนึ่งคนอยู่ที่ราว 12,000-25,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการดูแลและรายละเอียดของงาน โดยก่อนเข้ารับบริการผู้สูงอายุแต่ละคนจะต้องผ่านการประเมินเบื้องต้นก่อน เช่น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เป็นปกติไหม, เป็นผู้ป่วยติดเตียงหรือเปล่า จากนั้นจึงนำมาทำแผนการดูแลที่เรียกว่า “Care Plan” เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการดูแลผู้สูงอายุแต่ละคน เพื่อให้ 3 ส่วน ได้แก่ ศูนย์บั๊ดดี้ โฮมแคร์, พนักงาน และญาติได้รับทราบตรงกัน ส่วนรายละเอียดของการดูแล ก็เช่น การตรวจสุขภาพเบื้องต้น วัดความดัน การจัดหาอาหาร การเปลี่ยนแพมเพิส เป็นต้น ซึ่งนอกจากงานประจำที่ทำอยู่ ในวันว่างพนักงานแต่ละคนจะไปช่วยลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเยียน ตรวจสุขภาพ และพูดคุยกับผู้สูงอายุในชุมชนต่างๆ ร่วมกับอาสาสมัครด้วย

ตอบโจทย์สะดวก เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

     ในส่วนของบริการ ‘เช่าลูก’ ที่คิดขึ้นมานั้น แบงค์อธิบายว่าเป็นรูปแบบที่คิดขึ้นมา เพื่อให้ง่ายและสะดวกขึ้น รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ โดยเฉพาะในสังคมเมืองใหญ่ ที่มักไม่ค่อยมีเวลาว่าง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการดูแลผู้ป่วยเพียงอย่างเดียวเสมอไป อาจเป็นการทำธุระหรือเรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น เป็นเพื่อนพาไปหาหมอ, ไปธนาคาร, ไปเที่ยว, ไปวัด หรือแม้แต่ไปนั่งคุยเล่นเป็นเพื่อนเล่นที่บ้าน ในเวลาเพียง 2-3 ชม.ก็ได้

     โดยการใช้บริการเช่าลูก ผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องตรวจประเมินอาการหรือสุขภาพของผู้สูงอายุก่อนเหมือนกับการให้บริการรูปแบบปกติ เพียงแต่ต้องแจ้งล่วงหน้า 1-2 วัน เพื่อจัดคิวก่อนเข้าใช้บริการ ค่าบริการอยู่ที่ 350 บาท/ชั่วโมง โดยเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง แต่กลับได้รับเสียงต้อนรับที่ดีจนเกิดเป็นกระแสไวรัลแบบที่ไม่คาดคิดมาก่อน

     “เราไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นไวรัลขนาดนี้ มีคนนำไปแชร์เยอะมาก จริงๆ ตอนแรกแอบกังวลเรื่องดราม่าเหมือนกันว่าเป็นคำเซนซิทีฟหรือเปล่า เหมือนเป็นการเอาเด็กมาซื้อขายกันไหม แต่จริงๆ แล้วความตั้งใจ คือ เราแค่อยากสื่อสารออกไปให้เข้าใจได้ง่ายๆ ซึ่งความหมายคำว่า “เช่าลูก” ของเรา คือ คนที่ลูกหลานเขาไม่มีเวลาดูแลจริงๆ เช่น ผู้สูงอายุมีภารกิจที่ต้องไปทำ อยากได้คนพาไปเป็นเพื่อนแค่ 1-2 ชม. แต่ลูกหลาน ไม่สะดวก ก็ให้เราเข้าไปช่วยเป็นลูกอีกคนให้แทนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมยุคนี้กำลังต้องการหรือหาอยู่พอดีเลย อีกอย่างเรามองไปถึงเทรนด์อนาคตด้วย คนสมัยนี้ไม่ค่อยอยากมีลูก พอไม่มีลูก แต่ถึงเวลาอายุเยอะขึ้น ไปเองไม่ไหว ยังไงก็ต้องหาคนช่วยดูแลอยู่ดี เลยกลายเป็นว่า คุณไม่จำเป็นต้องมีลูกเป็นของตัวเองก็ได้ แต่มาใช้บริการ “เช่าลูก” ของเรา ก็เหมือนมีลูกพร้อมใช้ทันที ไม่ต้องเสียค่าเลี้ยงดู”

ต่อยอดสู่ธุรกิจโตไกล

     เนื่องจากเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน และจำกัดพื้นที่การให้บริการอยู่แค่จังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียง จึงทำให้ยังมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการไม่มากนัก แต่ก็ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมไปถึงอาจเป็นโอกาสใหม่ๆ ในอนาคตให้กับแบรนด์ได้อีกมากทีเดียว

     “จริงๆ ตอนนี้มีคนติดต่อเข้ามาเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่เชียงใหม่ บางคนอยู่กรุงเทพฯ ชลบุรี ขอนแก่น ฯลฯ แต่ถึงไม่ได้อาศัยอยู่ในเชียงใหม่ เขาก็บอกว่าขอเก็บเป็นข้อมูลเอาไว้ ถ้าเขามีโอกาสได้มาพาคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้สูงอายุที่บ้านมาเที่ยวเชียงใหม่ จะติดต่อมาใช้บริการ ให้ไปเป็นเพื่อนเที่ยวด้วย ถ่ายรูปให้ด้วย เรามองว่าเป็นการขยายโอกาสให้ธุรกิจที่สามารถแตกรูปแบบการให้บริการออกไปได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุเพียงอย่างเดียว แต่ยังพ่วงไปกับตลาดธุรกิจท่องเที่ยว และอื่นๆ ได้อีกมาก เช่น ถ้าคนมาเที่ยวเชียงใหม่เยอะขึ้น ก็อาจมาใช้บริการของเราเยอะขึ้น เพราะจริงๆ ความต้องการของผู้สูงอายุที่อยากได้ อาจไม่ใช่แค่การดูแลผู้ป่วย หรือการดูแลในกิจวัตรประจำวันเพียงอย่างเดียว บางท่านแค่ต้องการเพื่อนคุยบ้าง, สอนเล่นโซเชียล หรือไปคอยถ่ายรูปให้เวลาไปเที่ยว มันสามารถต่อยอดออกไปได้อีกเยอะเลย” แบงค์กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้

     ข้อมูลติดต่อ

     โทร. 053 215 671

     https://www.facebook.com/BuddyHomeCare

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

EMPA Homebake พายสไตล์ละตินอเมริกัน เบเกอรี่ฟิวชั่นสาย Street Food เจ้าแรกในไทย

เพราะอยากพา Empanada (เอมปานาด้า) พายขึ้นชื่อของชาวละตินอเมริกัน มาแนะนำให้คนในบ้านเราได้รู้จักและลิ้มลองกัน ขนม Empanada ภายใต้แบรนด์ EMPA Homebake ที่ฟิวชั่นให้ถูกปากคนไทยจึงเกิดขึ้น

Momento Coffee Roaster  จากคั่วกระทะหลังหอ สู่แบรนด์กาแฟ ที่สร้างรายได้ 1.5 ล้านบาทต่อเดือน

จากเด็กที่ไม่รู้ว่าชอบอะไร สู่เจ้าของโรงคั่วกาแฟที่โตมาด้วยความเชื่อว่าทำก่อน แล้วค่อยรู้ว่ารัก ตามไปรู้จัก เต้ย-เฉลิมชาติ สีเขียว เจ้าของแบรนด์ “Momento Coffee Roaster” ที่เริ่มคั่วกาแฟจากกระทะหลังหอ สู่เจ้าของโรงคั่วที่ขายได้ 1.5 ล้านบาทต่อเดือน