KidAble แฟรนไชส์สอนภาษาแบบ "หนูทำได้"







เรื่อง : ยุวดี ศรีภุมมา
ภาพ : กฤษฎา ศิลปไชย



    หลายคนคงจะสังเกตได้ว่าในยุคปัจจุบัน โรงเรียนหรือสถาบันสอนภาษาได้เกิดขึ้นมากมายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเด็กยุคใหม่ๆ จะได้รับการสอนภาษาที่สองตั้งแต่ชั้นอนุบาล เนื่องจากในเวลานี้ภาษาที่สองถือว่ามีความจำเป็นอย่างมากทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงาน รวมถึงการที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ฉะนั้นการที่เราจะสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ จำเป็นต้องมีความได้เปรียบด้านภาษา ด้วยจุดนี้ “ครูจี้” หรือ “จินตนา ดาเนียล” ได้ใช้โอกาสดังกล่าวก่อตั้งสถาบัน KidAble ขึ้น




    ด้วยความได้เปรียบทางด้านภาษา จากการที่ครูจี้จบทางด้านภาษามาโดยตรง ประกอบกับการสั่งสมวิชาจากการทำงานและใช้ชีวิตในต่างประเทศ ทำให้ครูจี้เกิดไอเดียที่อยากจะใช้ความสามารถทางด้านภาษาให้เป็นประโยชน์ โดยเริ่มแรกครูจี้ได้เปิดสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า Perfect Education ซึ่งสอนคนทุกช่วงอายุ แต่ด้วยกลุ่มลูกค้าที่มาเรียนในสถาบันของเธอส่วนใหญ่ คือ กลุ่มเด็ก ทำให้เธอได้เล็งเห็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน จนกลายมาเป็น KidAble อย่างในปัจจุบัน



    สถาบันสอนภาษา KidAble ซึ่งมีความหมายเป็นนัยว่า “หนูทำได้” เริ่มเปิดตัวตั้งแต่ต้นปี 2557 พร้อมสโลแกนเก๋ไก๋ว่า Early learning start here หรือ การเรียนรู้ช่วงวัยเด็กเริ่มต้นที่ KidAble ด้วยจุดเด่นของ KidAble ที่เป็นสถาบันสองภาษา คือ ภาษาอังกฤษและภาษาจีนสำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 1-12 ปี โดยสาขาแรกตั้งอยู่ที่อาคารสุพรีม ย่านสามเสน ต่อมาสาขาที่สอง ซึ่งเป็นของแฟรนไชซีตั้งอยู่ที่ ซีคอน บางแค และล่าสุดคือ Head Center ของ KidAble เป็นสาขาต้นแบบตั้งอยู่ที่ ฟอร์จูน รัชดา 



    โดยจะแบ่งหลักสูตรการเรียนการสอนออกเป็นสามระดับคือ 1. Play Group เป็นหลักสูตรสำหรับเด็กอายุ 1-3 ปี ที่จะเน้นการเรียนโดยใช้เสียงเพลงและกิจกรรมเข้าจังหวะเพื่อให้เด็กมีความสุขในการเรียนอย่างเป็นธรรมชาติ และได้ซึมซับกับบรรยากาศของภาษาอังกฤษผ่านเสียงเพลงและกิจกรรม 2. Kid Group เป็นหลักสูตรสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี จะเน้นการสร้างความสนุกสนานและฝึกโต้ตอบระหว่างกัน นำหลักสูตร มอนเตสซอรี่มาประยุกต์กับการเรียน โดยจะคำนึงถึงผู้เรียนเป็นหลัก 3. Junior Group เป็นหลักสูตรสำหรับเด็กอายุ 6-12 ปี หรือเป็นเด็กในช่วงวัยประถมศึกษา ที่จะเน้นในเรื่องของการฟังพูดอ่านเขียนแต่ยังใช้ความสนุกสนานเพื่อให้การเรียนไม่น่าเบื่อ โดยจะมีการเรียนผ่านการทำกิจกรรมเช่นเดิม 

     “สถาบันของเรา เน้นการเรียนการสอนผ่านการทำกิจกรรม เพราะการที่เด็กจะเรียนรู้ได้ดี เขาจะต้องมีความสุข การเรียนผ่านกิจกรรมจะทำให้เด็กได้เรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ ได้ปฏิบัติจริง ไม่ใช่การเรียนแบบท่องจำ”



    สำหรับในเรื่องของการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์นั้น ครูจี้อธิบายเพิ่มเติมว่า การลงทุนจะมีสองรูปแบบด้วยกัน คือ 1. เปิดในศูนย์การค้า ส่วนใหญ่จะเป็นในเขตกรุงเทพฯ งบประมาณในการลงทุนจะอยู่ที่ 1,500,000- 2,500,000 บาท และจะแปรผันตามการตกแต่งเพิ่มเติมในแต่ละพื้นที่ 2. เปิดในต่างจังหวัด จะเป็นรูปแบบของอาคารพาณิชย์ งบประมาณของการลงทุนจะอยู่ที่ 700,000-1,000,000 บาท โดยครูจี้ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัจจัยของความสำเร็จกับ KidAble ว่า การเลือกทำเลที่ตั้งเป็นปัจจัยที่สำคัญ ทำเลจะต้องอยู่ในโซนการศึกษา ถ้าเป็นสาขาในศูนย์การค้าจะต้องเป็นศูนย์การค้าที่มีโซนการศึกษา ส่วนอาคารพาณิชย์ก็เช่นกัน เพราะจะทำให้เด็กและผู้ปกครองสามารถเดินทางไปเรียนหลายๆ แห่งในครั้งเดียวได้ นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีการสัญจรไปมาของคนพอสมควร ฉะนั้นทำเลจึงควรเป็นแหล่งชุมชน ใกล้โรงเรียน รวมทั้งต้องมีที่จอดรถหมุมเวียนให้ผู้ปกครองอีกด้วย 




    นอกจากนี้ สำหรับคุณสมบัติของแฟรนไชซี จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นผู้ที่มีความรักในธุรกิจสถาบันการศึกษา มีความรักเด็ก และหากมีประสบการณ์เป็นครูด้วยแล้วจะได้เปรียบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากครูจะมีจิตวิทยาและเทคนิคที่ดีในการสอนเด็ก นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจยังต้องมีความพร้อมในการลงทุน สามารถที่จะดูแลกิจการได้ด้วยตนเอง รวมถึงมีสถานที่อยู่ในทำเลที่เหมาะสมและมองความสำเร็จในระยะยาวร่วมกับ KidAble

    สำหรับด้านครูผู้สอนนั้น ส่วนใหญ่ KidAble จะเน้นครูที่เป็นคนฟิลิปปินส์ในการสอนภาษาอังกฤษ เนื่องจากจะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษและเทคนิคการสอนที่ดี ส่วนภาษาจีนจะใช้ครูคนจีนโดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องผ่านการคัดเลือกจากทางสถาบัน รวมถึงต้องผ่านการอบรมก่อนเริ่มงาน




    “ผู้ที่เข้ามาเป็นแฟรนไชซีกับ KidAble นั้นจะได้รับการอบรมครูผู้สอน หลักสูตรการเรียนการสอนของ KidAble ชุดข้อสอบวัดระดับ หนังสือและเอกสาร โบรชัวร์ของหลักสูตร จำนวน 500 ใบ (เฉพาะกรณีเปิดสาขาใหม่) ตัวอย่างแบบในการตกแต่งสถาบัน การประสานงานและการสนับสนุนจากทีมวิชาการของ KidAble รวมไปถึงการทำการตลาดอีกด้วย” 

    ส่วนในเรื่องของการคืนทุนนั้นจะอยู่ในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและการตกแต่งนอกเหนือจากแบบแผน โดยในต่างจังหวัดกับกรุงเทพ ฯ จะมีระยะเวลาคืนทุนไม่แตกต่างกันมากนัก เนื่องจากต่างจังหวัดอาจจะมีเด็กเข้ามาเรียนน้อยกว่าแต่มีค่าใช้จ่ายในด้านการก่อสร้าง สถานที่ถูกกว่า ส่วนในกรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าแต่จะมีเด็กเข้ามาเรียนมากกว่าทำให้ระยะเวลาในการคืนทุนมีความใกล้เคียงกัน



    สำหรับในอนาคต KidAble ตั้งเป้าที่จะรุกตลาดมากขึ้น โดยจะขยายแฟรนไชส์ให้ได้ 10 สาขา ในกรุงเทพฯ และอีก 40 สาขาสำหรับต่างจังหวัด โดยในอนาคตคาดว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศไทยอย่างแน่นอน 

    เมื่อโลกเปิดกว้างไร้พรมแดนมากขึ้น ภาษาที่สอง ที่สาม จึงกลายเป็นความจำเป็นของคนยุคนี้ไปแล้ว ฉะนั้นโอกาสของธุรกิจการศึกษา โดยเฉพาะด้านภาษา ก็น่าจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน  
    



ลงทุนแฟรนไชส์ KidAble
งบการลงทุนเบื้องต้น : 700,000-2,500,000 บาท
Franchise Fee : 350,000 บาท
Royalty Fee : 15 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายตามราคาหลักสูตรปัจจุบัน
เงื่อนไข : ใช้หลักสูตรการเรียนการสอน หนังสือและอุปกรณ์บางอย่างของทาง KidAble

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kidablethailand.com
หรือโทร. 0-2641-0665, 08-9201-1107

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)

RECCOMMEND: FRANCHISE

3 แฟรนไชส์ ก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าดัง น่าลงทุน ปี 2023

หนึ่งในร้านอาหารที่ติด Top 3 ที่คนค้นหามากที่สุด คือ ก๋วยเตี๋ยว วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ 3 แฟรนไชส์ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าดังที่น่าลงทุน ปี 2023 พร้อมราคาแฟรนไชส์มาฝากกัน

3 ไอเดียทำร้านแฟรนไชส์ 5 ปี ขยายกว่า 750 สาขา สไตล์ Otteri ร้านที่เป็นมากกว่าแค่ที่ซักผ้า

ในสนามแข่งขันที่เต็มไปด้วยคู่แข่งมากมาย กลยุทธ์หนึ่งของการทำธุรกิจที่ใช้มัดใจลูกค้าได้ดี ก็คือ ให้มากกว่าที่ลูกค้าคิดว่าจะได้รับ เพื่อไม่ให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไปไหน เหมือนกับคอนเซปต์ของแบรนด์ Otteri Wash & Dry แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก 24 ชั่วโมงที่เปิดดำเนินธุรกิจมาได้ 5 ปี มีสาขาแล้วกว่า 750 แห่งทั่วประเทศ

อยากต่อยอดธุรกิจให้เป็นแฟรนไชส์ ขยายกิจการให้โต SME ต้องทำอย่างไร?

หนึ่งในโมเดลที่หลายคนให้ความสนใจในการขยายธุรกิจคือ การแปลงธุรกิจของตัวเองให้กลายเป็น “แฟรนไชส์” แต่หลายคนอาจสงสัยว่า การทำธุรกิจให้เป็นแฟรนไชส์ ต้องทำอย่างไร?