ธุรกิจร้านกาแฟในไทยยังแรงไม่ตก แม้การแข่งขันจะดุเดือดและต้นทุนปรับตัวสูง แต่ความนิยมในกาแฟสดและวัฒนธรรมการดื่มกาแฟยังขยายตัวต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เพียงครึ่งเดียว มีผู้ประกอบการหน้าใหม่จดทะเบียนร้านกาแฟเพิ่มขึ้นกว่า 415 ราย
คำถามคือ ในวันที่มีร้านกาแฟเกือบทุกหัวมุมถนน ใครกันที่ยังอยู่รอด? และระหว่าง “ร้านอินดี้” กับ “ร้านแฟรนไชส์” โมเดลไหนที่ทำกำไรจริง?
สองทางเลือกของคนอยากเปิดร้านกาแฟ
อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยว่า รูปแบบร้านกาแฟในไทยสามารถแบ่งหลักๆ ได้เป็นสองประเภทคือ Franchise/Chain และ Independent โดยแฟรนไชส์มักมีระบบสนับสนุนที่ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ ขณะที่ร้านอินดี้จะบริหารโดยเจ้าของเอง มีอิสระในการออกแบบร้าน รสชาติ และกลยุทธ์ แต่ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวในการสร้างฐานลูกค้าและความแตกต่าง
จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจฯ ปัจจุบันร้านกาแฟในประเทศ กว่า 94.4% เป็นร้านอินดี้ หรือร้านที่ไม่มีระบบแฟรนไชส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก และมักมีสาขาเพียง 1–3 แห่ง ทั้งในรูปแบบร้าน Stand Alone, Truck หรือ Kiosk
แม้จะดูว่าร้านอินดี้ครองสัดส่วนมาก แต่เมื่อพิจารณาในมุม “ผลประกอบการ” กลับพบว่าร้านแฟรนไชส์ทำกำไรได้มากกว่าหลายเท่า
แฟรนไชส์ทำกำไรมากกว่าอินดี้หลายเท่า
ข้อมูลเชิงลึกจากกลุ่มตัวอย่างบริษัทที่ทำธุรกิจร้านกาแฟ พบว่า Café Amazon (ดำเนินการโดยบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก) ซึ่งมีสาขากว่า 4,900 แห่งทั่วประเทศ มีรายได้รวมสูงถึง 23,167 ล้านบาท และกำไรสุทธิถึง 5,989 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 25.85% ซึ่งสูงมากสำหรับธุรกิจบริการ
ในขณะที่แบรนด์แฟรนไชส์ขนาดกลางอย่าง 1:2 Coffee ก็มีอัตรากำไรที่น่าประทับใจถึง 16.82% เช่นเดียวกับ กาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งมีรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 290 ล้านบาท
ในอีกฝั่งของสนาม ร้านอินดี้ชื่อดัง เช่น NANA Coffee Roaster หรือ Factory Coffee ซึ่งเป็นร้าน Specialty Coffee ที่ได้รับรางวัลระดับโลก แม้จะมีภาพลักษณ์ดีและฐานลูกค้าชัดเจน แต่ก็มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 8–9% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยกว่าแฟรนไชส์อย่างมีนัยสำคัญ
จะเปิดร้านแบบไหนถึงอยู่รอด?
ร้านอินดี้ที่ประสบความสำเร็จมักมี “เรื่องราว” ที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมล็ดกาแฟ เทคนิคการคั่ว หรือบาริสต้าที่มีชื่อเสียง พร้อมทั้งเข้าใจช่องทางออนไลน์ การโปรโมต และการขายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี
ในขณะเดียวกัน ร้านแฟรนไชส์มีข้อได้เปรียบเรื่องระบบ จัดซื้อวัตถุดิบราคาถูกกว่า และแบรนด์ติดตลาด ทำให้สามารถทำกำไรในสเกลที่ใหญ่ขึ้นได้รวดเร็วกว่า
สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของร้านอินดี้หรือแฟรนไชส์ “ต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่” ที่เน้นความสะดวก คุณภาพ และช่องทางสั่งซื้อที่หลากหลาย ตั้งแต่หน้าร้าน เดลิเวอรี ไปจนถึง e-Payment หรือระบบจองคิวล่วงหน้า
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี