​หยุด Multitasking! เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น







     สกิลการทำงานยุคใหม่ๆ ใครๆ ก็อยากได้พนักงานที่ Multitasking ทำได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน ดูแล้วคล่องแคล่ว ฉับไว แต่แท้ที่จริงแล้วทักษะ Multitasking มันมีจุดบอดที่ซ่อนอยู่ภายใต้การทำงานที่แสนจะรวดเร็ว ดู Busy ตลอดเวลา มองเผินๆ อาจจะเป็นข้อดี ใครจะรู้ว่าการทำงานแบบ Multitasking นั้นทำให้ประสิทธภาพในการทำงานของคนคนหนึ่งลดลง


     เวลาที่คุณทำงานแบบ Multitasking คุณแทบจะไม่มีสมาธิในการโฟกัสงานใดงานหนึ่งเลย ลองคิดดูว่าสมาธิของคุณมีอยู่ 100% แต่ต้องทำงานทั้งหมด 4 งานพร้อมกัน สมาธิคุณจึงต้องถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน เหลือแค่ 25% ต่อการทำงานหนึ่งงานเท่านั้น ถ้าเทียบกับคนที่โฟกัสแค่งานงานเดียวที่มีสมาธิจดจ่อเต็มเปี่ยม 100% คุณคิดว่าแบบไหนที่จะมีประโยชน์กว่ากัน

 
     อย่างไรก็ตามเราไม่ได้บอกว่าการทำงานแบบ Multitasking ไม่ดี เพียงแค่คุณต้องแบ่งเวลาการทำงานแบบ Multitasking ให้ถูก มีงานหลายประเภทที่สามารถทำพร้อมกันได้และงานหลายประเภทที่ต้องใช้สมาธิจดจ่ออยู่อย่างเดียว เช่นพวกงาน Routine ส่งอีเมล์ จัดการเอกสาร รับโทรศัพท์ สามารถทำพร้อมกันได้ ส่วนงานที่ต้องใช้ความคิด ใช้ไอเดีย ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไปจนถึงงานที่ต้องการความเป๊ะ ความถูกต้องไม่ควรทำพร้อมกับงานอื่นๆ


     แล้วถ้าคุณลดการทำงานแบบ Multitasking ลง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ยังไงบ้าง
  1. มีเวลาผ่อนคลายมากขึ้น
คุณรู้ไหมว่าการทำงานแบบ Multitasking ทำให้สมองของคุณใช้งานตลอดเวลา คุณแทบจะไม่มีเวลาหยุดพักเลย จนท้ายที่สุดคุณอาจจะเกิดอาการปวดหัว มึนตึ้บและคิดอะไรไม่ออก ในการทำงานคุณควรมีเวลาพักให้กับสมองและสายตาของคุณบ้าง เช่น ทำงานเต็มที่ 3 ชั่วโมงแล้วหยุดพักสัก 15 นาที อย่าทำงานติดต่อกันนานเกินไป อาจจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
 
  1. สามารถวางแผนการทำงาน
หากว่าคุณใช้เวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมงทำงานแบบ Multitasking คุณจะแทบไม่เหลือเวลาในการวางแผนทำงานให้ตัวเองเลย พอหมดวันร่างกายคุณจะล้าจนแทบไม่อยากคิดอะไร พอมาวันใหม่ชีวิตก็เข้าลูปเดิม เพราะฉะนั้นการลดการทำงานแบบ Multitasking แล้วโฟกัสกับงานแต่ละอย่างจริงๆ จะช่วยให้คุณมีเวลาในการวางแผนทำงานวันต่อไป ดูว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง คุณจะได้ไม่พลาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป
 
  1. ทำให้คุณมีสมาธิมากขึ้น
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการทำงานแบบ Multitasking นั้นจะทำให้คุณรู้สึกว่าไม่มีสมาธิจดจ่อกับอะไรสักอย่าง ทำอันนี้ได้นิดหน่อยก็กังวลกับเรื่องนั้น ทำเรื่องนั้นยังไม่เสร็จก็ต้องจัดการเรื่องนี้ ท้ายที่สุดคุณอาจจะทำได้อย่างละนิดอย่างหน่อยแล้วไม่มีงานไหนที่สำเร็จลุล่วงเลยก็ได้ ลองโฟกัสงานทีละงาน แล้วทำให้เสร็จเป็นงานๆ ไป คุณจะมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
 
  1. เนื้องานมีคุณค่ามากขึ้น
ในงานแต่ละงานที่คุณทำแบบ Multitasking คุณอาจจะไม่ได้ใส่ใจกับมันขนาดนั้น เนื่องจากคุณเสียโฟกัสให้กับงานอื่นๆ ด้วย และยิ่งต้องเร่งรีบ ทำให้คุณทำงานแบบลวกๆ จนงานออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นหากคุณตั้งใจกับงานไหน ลองให้เวลากับมันมากขึ้น แล้วอย่าเสียสมาธิไปกับงานจุกจิกกวนใจจนกว่าที่งานของคุณจะเสร็จเรียบร้อย
 
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี​

RECCOMMEND: MANAGEMENT

ปรับโหมดลูกน้อง “Fauxductivity” ขยันทำงานแบบการละคร สู่โหมดจริงจังและได้ผลงานจริง

รู้จัก “Fauxductivity” หลอกว่ายุ่ง แต่ใจไม่ได้มุ่งทำงาน แล้วผู้นำหรือหัวหน้าต้องทำอย่างไร จึงจะแก้ปัญหาการทำงานแบบ Fauxductivity ได้อยู่หมัด

เหนื่อยยังไง...ให้ไปต่อได้ 4 หลักคิดญี่ปุ่น ที่คนทำธุรกิจยุคไม่แน่นอนต้องรู้

ถ้าเป้าหมายการทำธุรกิจของคุณ ไม่ใช่แค่ “อยู่รอด” แต่คือ “อยู่ให้ได้อย่างยั่งยืนและมีคุณค่า”ลองดู 4 หลักคิดญี่ปุ่น ที่ช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ในวันที่เหนื่อยแทบขาดใจ

ลงทุนในคน ยังไงไม่ให้คนเก่งหนี  บทเรียนจากองค์กรชั้นนำ ยุคที่คนเปลี่ยนงานไวกว่าเปลี่ยนมือถือ

หากองค์กรจะลงทุนเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การพัฒนาคน” ทั้งในแง่ของทักษะ มุมมอง และการสร้างระบบที่หล่อเลี้ยงการเติบโตของคนกับองค์กรไปพร้อมกัน