10 กิจวัตร พัฒนาตัวเองสู่ยอด SME



แปลและเรียบเรียง : เจษฎา ปุรินทวรกุล

    ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นผู้ที่เปรียบตัวเองเสมือน “สินทรัพย์ที่มีค่า” และสินทรัพย์ที่มีค่าเหล่านั้นก็พยายามลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองโดยการศึกษาและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง 

   สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการที่ดีและเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ลองใช้เวลาและแรงกายเพื่อปรับกิจวัตรประจำวันของคุณตามหัวข้อ 10 ข้อดังต่อไปนี้ดู  
 
1. ทานอาหารเช้า เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอ โดยเฉพาะอาหารเช้าซึ่งจะช่วยกระตุ้นพลังจากสมอง หรือถ้าวันไหนไม่มีเวลาจริงๆ ควรหา Protein Smoothie มาทานแทน เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มีความสำคัญมากจนหลายคนมักมองข้ามไป

2. วางแผนประจำวัน ทันทีที่ตื่นเช้าขึ้นมาคุณควรมองหาปฏิทินเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการทำงาน ถ้าช่วงที่เพิ่งตื่นนอนคุณมีสมาธิที่จะทำงานส่วนตัว ก็ควรกันเวลาช่วงเช้าเอาไว้ให้กับตัวเองก่อนซัก 60-90 นาที จากนั้นค่อยจัดเวลาทำงานตลอดวัน อย่างเช่น การประชุม นัดพบลูกค้า ฯลฯ เป็นลำดับถัดไป

3. อย่าใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง เช้ามาปุ๊บก็เข้าเน็ต เปิดอีเมล์ เฟซบุ๊ค อินสตาร์แกรม เพื่อดูว่าใครโพสอะไรบ้าง ใครทำแบบนั้นอยู่ขอให้พยายามหยุด เพราะการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความบันเทิง มักทำให้เราลืมสิ่งที่ควรจะโฟกัสหรือจุดมุ่งหมายที่สำคัญไปได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องเช็คอีเมล์จริงๆ ควรทำงานที่สำคัญให้เสร็จก่อนซัก 1-2 ชิ้นเสียก่อน

4. อย่าลืมเป้าหมายในการทำธุรกิจ ก่อนทำงานในทุกวัน ควรนึกถึงเป้าหมายทางธุรกิจให้ออกว่าเรามีนโยบายยังไง จะเดินไปทางไหน นึกถึงกลุ่มลูกค้าหลัก จุดที่จะทำให้บริษัทได้กำไรสูงสุด เพราะเราอาจหลงลืมสิ่งเหล่านั้นไปจากการทำงานในระหว่างวันจนกลายเป็นทำงานไปวันๆ แบบไร้จุดหมายเอาได้ง่ายๆ สุดท้ายอาจกลายเป็นเรือที่แล่นไปอย่างไร้ทิศทางโดยมีเพียงเงินตราเป็นจุดหมาย 
    
5. ทำงานทีละอย่าง เราอาศัยอยู่บนโลกที่มีการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน แต่ถ้าคุณไม่ชำนาญ การทำงานหลายๆ หน้าที่พร้อมกันจะส่งผลให้คุณกลายเป็นคนฟุ้งซ่าน ทำงานสะดุด และอาจบกพร่องในเรื่องสำคัญได้ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรลำดับความสำคัญของงานแล้วทำไปทีละชิ้น หากชำนาญแล้วค่อยปรับเพิ่มงานขึ้นในภายหลังแทน

6. จินตนาการให้เห็นภาพ มันอาจฟังดูไร้สาระ แต่ลองปิดตาแล้วจินตนาการถึงความสำเร็จของคุณดู จินตนาการถึงความรู้สึกเมื่อคุณเดินทางไปถึงเป้าหมาย การจินตนาการถึงเรื่องเหล่านี้เป็นเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและขับเคลื่อนความคิดให้เป็นบวกอยู่เสมอ นอกจากนี้การเอารูปภาพเป้าหมายที่เราต้องการไปติดไว้ที่โต๊ะทำงานก็ช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจและป้องกันการหลงลืมเป้าหมายในการทำงานหรือทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี

7. รู้จักปฏิเสธ เมื่อเราเป็นเจ้าของธุรกิจ อาจรู้สึกกดดันและพยายามไขว่คว้าโอกาสทุกรูปแบบที่เข้ามาหา อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกโอกาสที่จะมีประโยชน์ต่อคุณหรือธุรกิจของคุณ เวลาต่างหากคือสิ่งมีค่าของเรา เพราะฉะนั้นต้องเลือกให้ถูก และรู้จักปฏิเสธในสิ่งที่จะทำให้เราเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

8. รู้จักคุณค่าของเวลา เวลาไม่เหมือนเงิน เพราะเวลาไม่สามารถหมุนย้อนกลับมาได้ ส่วนเงินเมื่อเสียไปเรายังหากลับมาใหม่ได้ ดังนั้น พยายามรักษาและใช้เวลาให้มีค่าเพื่อตัวเองและบริษัทของคุณ เช่น ถ้าคุณจำเป็นต้องเข้าร่วมประชุม ต้องกำหนดระยะเวลาการประชุม เวลาเริ่ม และเวลาเลิกให้ชัดเจน

9. รู้จักรับฟัง คุณต้องพยายามให้เวลาและตั้งใจรับฟังสิ่งที่ลูกจ้างพูดเสมอ เพราะหัวหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีจะช่วยให้องค์กรหลีกเลี่ยงการสื่อสารที่ผิดพลาดได้ และไม่ต้องเสียเวลามานั่งชี้แจงหัวข้อสนทนาหรือทำงานกันใหม่อีกครั้ง

10. ลุกขึ้นและเดินไปรอบๆ บ้าง การนั่งทำงานทั้งวันไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะจากการศึกษาผู้ที่นั่งทำงานทั้งวันพบว่าก่อให้เกิดความเสี่ยงของความพิการ โรคเบาหวาน มะเร็งบางชนิดและโรคอ้วน ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีเวลาว่างน้อยแค่ไหน ก็ควรลุกขึ้น เดินหากิจกรรมอื่นๆ ทำบ้าง เชื่อเถอะว่ามันดีต่อร่างกายและสภาพจิตใจของคุณอย่างแน่นอน

     ค่อยๆ ลองปรับตัวไป แล้วคุณจะพบว่าการเป็นผู้ประกอบการที่ดีทั้งสุขภาพกายสุขภาพใจ มีเป้าหมายในการทำธุรกิจในทุกๆ วันที่ทำงาน และรู้จักคุณค่าของเวลา ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด

ที่มา : Jacqueline Whitmore ผ่านทาง www.entrepreneur.com 

Create by smethailandclub.com

RECCOMMEND: MANAGEMENT

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย

ทำไม SME ส่วนใหญ่จึงเป็นซอมบี้? 6 สเตจธุรกิจที่บอกว่า คุณ “ต้องเปลี่ยนตรงไหน” ถึงจะโตได้จริง

แม้จะมีสินค้ามีรายได้ แต่ทำไมธุรกิจถึงไม่ขยับไปไหนเสียที? คำตอบ อาจไม่ได้อยู่ที่การตลาด ไม่ใช่เรื่องทุน แต่อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า Business Growth Cycle วงจรชีวิตของธุรกิจ ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่า “ตอนนี้ธุรกิจเราอยู่ตรงไหน?” และ “ต้องปรับอะไร ถ้าอยากโตจริง”

วัฒนธรรมองค์กร จุดตายที่ SME มองข้าม ระบบคน ที่พาธุรกิจพังแบบไม่รู้ตัว

ศัตรูตัวร้ายที่ทำให้ SME ไทยจำนวนมากติดอยู่กับที่ ไม่ใช่คู่แข่ง แต่คือสิ่งที่มองไม่เห็นและมักถูกมองข้ามเสมอมานั่นคือ วัฒนธรรมองค์กร และที่น่าเศร้าคือ คุณเอง อาจเป็น “คอขวด” ขององค์กร โดยไม่รู้ตัว