ถ้าไม่นับรวมเหตุการณ์วิกฤตโควิดระบาด มักจะมีธุรกิจ SME ที่ปิดตัวลงหลังจากเปิดกิจการภายใน 5 ปีแรกถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และยังมีอีกกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ปิดกิจการภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี ซึ่งทาง ธนาคารทหารไทย (TMB) ได้มีการวิเคราะห์ว่าเหตุผลที่ SME ส่วนใหญ่ล้มเหลวนั้น เกิดจากพฤติกรรมดังนี้
1.87 เปอร์เซ็นต์ ทุ่มเวลากับการผลิต จนไม่มีเวลาให้การตลาด จึงพลาดโอกาสสร้างจุดเด่น และความแตกต่างจากคู่แข่ง
2.84 เปอร์เซ็นต์ ขาดการวางแผนทางการเงิน ส่วนใหญ่ใช้เงินเก็บส่วนตัวหรือของครอบครัวมาเริ่มทำธุรกิจ ซึ่งถ้าธุรกิจผิดพลาดก็จะกระทบไปทั้งระบบ
3.72 เปอร์เซ็นต์ ทำธุรกิจโดยไม่มีแผนธุรกิจ เมื่อไม่การวางแผนล่วงหน้าหรือมีแผนสำรอง ส่วนใหญ่จึงทำได้แค่แก้ปัญหารายวัน ปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้ไม่มีเวลาวางแผนธุรกิจระยะยาวได้
4.70 เปอร์เซ็นต์ ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว ดังนั้น 49 เปอร์เซ็นต์ ของ SME ยอมรับว่าพบปัญหาธุรกิจสะดุด เมื่อเจ้าของไม่อยู่ดูแลหรือขายสินค้าเองจึงส่งผลให้ยอดขาย ออเดอร์ลดลง หรือฐานลูกค้าหายไปทันที
5.67 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้แยกกระเป๋าเงิน ใช้เงินส่วนตัวและเงินธุรกิจเป็นกระเป๋าเดียวกัน ทำให้ไม่รู้ข้อมูลการเงิน ต้นทุนที่แท้จริงส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
6.38 เปอร์เซ็นต์ กลัวการเปลี่ยนแปลงไม่พร้อมรับมือกับสิ่งใหม่ โดยมีหลายปัจจัย เช่น บางรายกลัวจะมีปัญหาในช่วงเริ่มต้นสิ่งใหม่ บางรายมองว่าธุรกิจเดิมที่ทำนั้นดีอยู่แล้ว ฯลฯ
7.37 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายดีแต่ไม่มีกำไร เนื่องจากมีพฤติกรรมที่เสี่ยงในการขายของขาดทุน เช่น ลดราคาสินค้าแต่ไม่ได้ดูต้นทุน ไม่ใส่เงินเดือนตนเองในต้นทุนสินค้า ฯลฯ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT
อย่าตกหลุมดรามาให้เสียพลัง....จาก Toxic People เตรียมพร้อมตั้งรับความ Toxic ให้อยู่หมัด ซัดกลับแบบคูลๆ !! ด้วย 5 วิธีตอบสนองแบบชาว Grey Rock
รู้จัก “Fauxductivity” หลอกว่ายุ่ง แต่ใจไม่ได้มุ่งทำงาน แล้วผู้นำหรือหัวหน้าต้องทำอย่างไร จึงจะแก้ปัญหาการทำงานแบบ Fauxductivity ได้อยู่หมัด
ถ้าเป้าหมายการทำธุรกิจของคุณ ไม่ใช่แค่ “อยู่รอด” แต่คือ “อยู่ให้ได้อย่างยั่งยืนและมีคุณค่า”ลองดู 4 หลักคิดญี่ปุ่น ที่ช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ในวันที่เหนื่อยแทบขาดใจ