6 ข้อคิดในชีวิตและการทำงาน ได้เรียนรู้จากไวรัสเดลต้าถึงโอมิครอน

 

     เผลอแพร๊บเดียว เดือนมกราคมผ่านพ้นไปแล้ว

     เมื่อวันก่อนมีโอกาสนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างและได้เรียนรู้อะไรในช่วงที่ผ่านมา

     นี่คือ 6 บทเรียนที่สถานการณ์วิกฤตสอนผม

1. ของมีค่า แทบไม่มีราคา เมื่อไม่มีคนต้องการ

     ช่วงต้นปีที่แล้วขณะล็อกดาวน์ คนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ราคาน้ำมันก็ลดต่ำลงตามไปด้วย แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ผู้คนกลับมาเดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น ราคาน้ำมันก็ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หลายคนโวยวายว่าทำไมน้ำมันแพง รัฐบาลไม่เห็นทำอะไร ฯลฯ แต่ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าตระหนกตกใจ อันที่จริงเป็นกฎธรรมชาติมาช้านาน มันคือเรื่องของ Demand กับ Supply เมื่อไม่มีความต้องการ ราคาก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เมื่อความต้องการสูงขึ้น ราคาก็ขยับขึ้นเป็นเงาตามตัว …​แปลกตรงไหน ?

2. หลายคนรู้สึกดีที่ได้ทำงานที่บ้าน

    เมื่อวิกฤตมาทำให้รู้ว่าการทำงานจากบ้านก็มีประสิทธิภาพไม่แพ้การไปที่ทำงาน พนักงานหลายคนชักติดใจ ไม่ค่อยอยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ จริงอยู่แม้การอยู่บ้านจะเปลืองแอร์เปลืองไฟมากขึ้นอีกนิด แต่ถ้าเทียบกับการที่ไม่ต้องเดินทางผจญรถติดทั้งไปและกลับอย่างแสนสาหัส ก็นับว่าคุ้มค่ามาก

3. โลกรักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เมื่อไม่มีมนุษย์ไปวุ่นวาย

     จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าธรรมชาติดีขึ้น ทะเลสะอาดขึ้น ความอุดมสมบูรณ์มีมากขึ้น เมื่อมนุษย์ไม่ไปวุ่นวายกับธรรมชาติ เพราะฉะนั้นการล็อคดาวน์จึงไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่ป้องกันการระบาดของโรคโควิดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การฟื้นตัวของธรรมชาติเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย การล็อกดาวน์นี่ช่างมีประโยชน์ดีแท้ แต่อย่าล็อกบ่อยก็แล้วกัน (555)

4. บุคลาการทางการแพทย์มีค่ามาก

     ช่วงที่ผ่านมาบุคลาการทางด้านสาธารณสุขทุกคน ทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ถ้าโลกขาดพวกเขาไป ชีวิตของพวกเราคงแย่เป็นแน่แท้ ขอขอบคุณแทนคนไทยทุกๆ คน

5. การรักษาความสะอาดไม่ใช่เรื่องยากเกินไป

     เมื่อโควิดมา พวกเราก็สามารถรักษาความสะอาดกันได้มากขึ้น จนกลายมาเป็นนิสัยใหม่ที่สร้างขึ้นได้ในพริบตา เมื่อก่อนคนออกจากห้องน้ำแล้วล้างมือด้วยสบู่ มีน้อยมากเรียกว่านับตัวได้เลยทีเดียว แต่เดี๋ยวนี้การล้างมือวันละหลายๆ รอบกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ดีจังเลย

6. ชีวิตบอบบางมาก โปรดใช้อย่างระมัดระวัง

     โควิดทำให้รู้รสของความไม่แน่นอนของชีวิต เราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าคนที่เรารักหรือตัวเราเองจะจากโลกนี้ไปวันไหน ความเจ็บป่วยแบบกระทันหันจะมาเยือนเมื่อไร เพราะฉะนั้นจงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ทำทุกวันให้มีค่ามากที่สุดและทำให้ดีที่สุด เพราะไม่รู้ว่าระหว่างพรุ่งนี้กับชาติหน้า อะไรจะมาถึงก่อนกัน

    ฝากไว้เป็นข้อคิดครับ

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

เจาะลึก Grey Rock Method วิธีรับมือ Toxic People ในที่ทำงาน นิ่งสงบ สยบ ทุกพลังลบ !!

อย่าตกหลุมดรามาให้เสียพลัง....จาก Toxic People เตรียมพร้อมตั้งรับความ Toxic ให้อยู่หมัด ซัดกลับแบบคูลๆ !! ด้วย 5 วิธีตอบสนองแบบชาว Grey Rock

ปรับโหมดลูกน้อง “Fauxductivity” ขยันทำงานแบบการละคร สู่โหมดจริงจังและได้ผลงานจริง

รู้จัก “Fauxductivity” หลอกว่ายุ่ง แต่ใจไม่ได้มุ่งทำงาน แล้วผู้นำหรือหัวหน้าต้องทำอย่างไร จึงจะแก้ปัญหาการทำงานแบบ Fauxductivity ได้อยู่หมัด

เหนื่อยยังไง...ให้ไปต่อได้ 4 หลักคิดญี่ปุ่น ที่คนทำธุรกิจยุคไม่แน่นอนต้องรู้

ถ้าเป้าหมายการทำธุรกิจของคุณ ไม่ใช่แค่ “อยู่รอด” แต่คือ “อยู่ให้ได้อย่างยั่งยืนและมีคุณค่า”ลองดู 4 หลักคิดญี่ปุ่น ที่ช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ในวันที่เหนื่อยแทบขาดใจ