สูตรรักษาสมดุลระหว่าง คน&เทคโนโลยี การทรานส์ฟอร์มองค์กรไปข้างหน้า ด้วยหลัก เต้าเต๋อจิง

TEXT : อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

 

     LeadershipACT เป็นหลักสูตรการพัฒนาภาวะผู้นำ สำหรับผู้บริหารระดับสูงในองค์กร ผ่านการ “แลกเปลี่ยนเรียนรู้” โดยใช้กรณีศึกษาทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 30 เคส เป็นสารตั้งต้นในการเรียนรู้ หลักสูตรเรียนครึ่งวัน ช่วงพุธบ่าย เป็นเวลา 10 สัปดาห์

     มีผู้บริหารจากองค์กรต่างๆ กว่า 100 คนผ่านการอบรมและเป็นส่วนหนึ่งของ Leadership Ecosystem นี้ เสน่ห์ของหลักสูตรนอกจากเนื้อหาความรู้และโอกาสในการ Networking แล้ว ไฮไลท์คือกิจกรรม After Class ที่ไม่ใช่การปาร์ตี้สังสรรค์แบบแข่งกันผลาญเงินเหมือนหลักสูตรทั่วไปหลายๆ หลักสูตร แต่คือ Exclusive Talks โดยแขกรับเชิญพิเศษ

     เมื่อวันพุธที่ผ่านมานักเรียน LeadershipACT รุ่น 3 เชิญ คุณเล้ง - ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร CEO ของ MFEC - บริษัทที่ปรึกษาและวางระบบไอทีแถวหน้าของเมืองไทย มาร่วมพูดคุยในวงสนทนา เกี่ยวกับการทรานส์ฟอร์มองค์กร ด้วยหลัก “เต้าเต๋อจิง” เป็นหลักคิดและคัมภีร์จีนโบราณที่เข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต และการปกครองของผู้นำ

     คุณเล้งบอกว่าตลอดชีวิตการทำงานของเขามีขึ้นและมีลงเสมอ สิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอดมาคือการรักษาสมดุล​ซึ่งสำคัญมากสำหรับการบริหารองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการคนเก่งและคนดีมาร่วมงาน มากกว่าแค่ซื้อเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาใช้

     บางส่วนของบทเรียนที่ได้ในคืนนั้น ...

     1. ความรู้แท้กับความรู้เทียม

ความรู้แท้คือความรู้ที่เป็นจริงไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ แต่ความรู้เทียมคือความรู้ที่เป็นจริงเฉพาะเวลาใดเวลาหนึ่ง ภายใต้เงื่อนไขหนึ่งๆ เท่านั้น ความรู้ส่วนใหญ่ที่เป็นกระแสอยู่ทุกวันนี้ เพิ่งถูกคิดค้นและใช้มาไม่กี่ปี ที่สำคัญหากมองย้อนหลังกลับไป ความรู้ใหม่ๆ หลายอย่างก็จางหายไป แนวคิดเหล่านั้นยังไม่ผ่านการพิสูจน์ด้วยกาลเวลา จึงไม่น่าจะใช่ “ความรู้แท้”

     2. ผู้บริหารและเจ้าของกิจการหลายคน ดำเนินธุรกิจด้วยความกลัวและความโลภโดยไม่รู้ตัว ทำอะไรเกินตัวไปแบบไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ถูกบังคับโดยปริยายให้มุ่งเน้นการสร้างความสำเร็จและผลตอบแทนระยะสั้น อันที่จริงเป็นไปไม่ได้เลยที่ธุรกิจใดๆ จะสำเร็จตลอดเวลา และมีข่าวดีทุกๆ ไตรมาส

     3. ต้องเลือกใช้วิธีการให้ถูกต้องตามสภาพขององค์กร แนวคิดในการบริหารหลายอย่างทำสำเร็จในบางองค์กร จากนั้นก็กลายเป็นโมเดลการบริหารที่ได้รับการกล่าวขานกันเป็นกระแสฟีเวอร์ แต่การก็อปปี้หรือเลียนแบบวีธีการจากองค์กรอื่น ไม่มีทางสำเร็จเหมือนเขา เพราะต่างองค์กร ก็ต่างปัญหาและต่างสภาพแวดล้อม เรื่องนี้ไม่ใช่พูดลอยๆ แต่เป็นเพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ได้ลองแล้วด้วยตัวเอง (คุณเล้งกล่าว)

     4. ความสมดุล (หยินหยาง) และความเป็นธรรมชาติคือสิ่งสำคัญ อันที่จริงมนุษย์ไม่ได้สร้างอะไรใหม่ 99% ของสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม เป็นเพียงการค้นพบสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติแล้วนำมาปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัยเท่านั้น ในการบริหารก็เช่นเดียวกัน ต้องบริหารอย่างสมดุล อะไรก็ตามที่ผิดธรรมชาติ สิ่งนั้นไม่ถูกละ

     5. ถ้าเริ่มรู้สึกว่าชักจะไม่สมดุลซะแล้ว ให้รีบทำตรงข้าม เช่น ถ้ารู้สึกว่าไม่ชอบฟังข่าวร้าย ก็ให้เริ่มฟังข่าวร้าย ถ้าไม่ชอบใช้ความรู้สึก ก็เริ่มใช้ความรู้สึกเสียบ้าง เป็นต้น เพื่อเป็นการปรับสมดุลและกลับสู่ความเป็นธรรมชาติ

     6. เราไม่สามารถดำเนินธุรกิจด้วยความเร็วเพียงอย่างเดียว ต้องเข้าใจความสวยงามของความช้าให้เป็นด้วย การไปช้าๆ ให้เป็นก่อนจะทำให้ไปได้เร็วขึ้นในภายหลัง ความช้าจะทำให้ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ทำให้ได้ยินในสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน ทำให้ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ และทำให้ได้เข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจ

     7. คนและความเป็นทีมเวิร์คสำคัญมากในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จ การทำให้คนที่ไม่ใช่ออกจากองค์กรไป โดยที่เขายังรักเราอยู่เหมือนเดิมหรือยิ่งรักมากขึ้น เป็นศิลปะที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง

     นี่คือสิ่งดีๆ ที่ได้เรียนรู้จากคุณเล้งครับ

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย