เปิดคัมภีร์การตลาดสไตล์ญี่ปุ่นจากมุมมองตะวันตก

เรื่อง  วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์
 

พูดถึงญี่ปุ่นกับการทำการตลาด ด้วยความเป็นเอเชียและมีวัฒนธรรมที่ไม่ต่างกันมากนักก็พอจะทำให้เราเข้าใจวิธีคิดแบบญี่ปุ่น แต่ลองไปดูมุมมองจากตะวันตกดูบ้างว่าเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับวิถีของคนญี่ปุ่นในการทำการตลาด เป็นมุมมองที่ถูกตีพิมพ์ในหนังสือ Relentless: The Japanese Way of Marketing โดยศาสตราจารย์จอห์นี่ โจแฮนสัน กูรูด้านการตลาดประจำมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในวอชิงตันดี.ซี. กับอิคุจิโร โนนากะ นักวิชาการญี่ปุ่นที่ร่วมเขียนหนังสือเล่มนี้ด้วย  


             
หนังสือ Relentless ได้กล่าวถึงการตลาดแบบญี่ปุ่นมีความแตกต่างและแนวทางการปฏิบัติที่ไม่เหมือนฝั่งตะวันตก ซึ่ง 4 ข้อแตกต่างที่เด่นชัดสุด ประกอบด้วย
·        
1. สัญชาตญาณ กับ การวิจัยตลาด เชื่อหรือไม่ว่าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเปิดตัวสู่ตลาด บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากอาศัยสัญชาตญาณมากกว่าการวิจัยตลาด พวกเขาจะเชื่อในสัญชาตญาณตัวเองและแนะนำสินค้าในปริมาณที่น้อย ๆ ก่อนเพื่อชิมลาง จากนั้นก็ดูผลตอบรับจากลูกค้า เมื่อได้ฟีดแบ็คจากผู้บริโภค ก็จะนำมาปรับปรุงและพัฒนาสินค้าต่อไป วิธีการนี้พอเข้าใจได้เพราะบางทีข้อมูลที่รวบรวมจากการวิจัยตลาดอย่างเป็นทางการก็ไม่แม่นยำ และไม่สามารถยึดเป็นสรณะได้ เราจึงเห็นว่าสินค้าบางตัว ล้มเหลวไม่เป็นท่าก็มีทั้งที่มีการศึกษาและเก็บข้อมูลมาแล้วรอบด้าน
·        
2. เลียนแบบและทำตามกันออกมา ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้สังเกตว่าญี่ปุ่นมีความชำนาญในการลอกเลียนนวัตกรรม เมื่อบริษัทหนึ่งเปิดตัวสินค้าที่ไม่เหมือนใคร สักพักเดียวเท่านั้นก็มีสินค้าคล้ายคลึงกันออกมาจากบริษัทอื่น ๆ จริงอยู่ที่การลอกเลียนแบบอาจทำให้บริษัทผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบภาคภูมิใจกับการเป็นเจ้าแรกได้ไม่นาน แต่ก็มีข้อดีคือทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสี่ยงเป็นหนูทดลองเพราะมีสินค้าแบบเดียวกันออกมาเยอะ นอกจากนั้น ยังทำให้ธุรกิจโดยรวมเติบโต และกระตุ้นให้เกิดการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เร็วขึ้น
·        
3. ลูกค้าคือพระเจ้า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขายในญี่ปุ่นนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากทางตะวันตก สังเกตได้จากนัยยะแฝงที่มากับคำทักทาย เมื่อลูกค้าเข้าร้าน ทางตะวันตกจะทักด้วยคำว่า “สวัสดี มีอะไรให้ช่วยไหม” ซึ่งแสดงถึงทัศนคติว่าลูกค้าเป็นผู้ต้องการความช่วยเหลือ ขณะที่ทางญี่ปุ่นจะทักทายด้วยประโยค “ยินดีต้อนรับ ขอบคุณที่แวะมาร้านเรา” ที่แสดงถึงการสำนึกในพระคุณที่ลูกค้ามาอุดหนุน ทางตะวันตกจะมองว่าคนขายกับคนซื้อมีความเท่าเทียมกัน ขณะที่ญี่ปุ่นจะพินอบพิเทาลูกค้าจนบางครั้งทำให้ดูเหมือนเป็นผู้รับใช้มากกว่า

4. บริษัทญี่ปุ่นไม่มีนักการตลาด เพราะงานด้านการตลาดเป็นหน้าที่ของทุกคนในองค์กร จึงน้อยนักที่จะมีการตั้งแผนกการตลาดขึ้นมาแล้วจ้างนักการตลาดมาดูแล ฉะนั้น อย่าแปลกใจหากเราจะไม่เจอตำแหน่ง “ผู้จัดการฝ่ายการตลาด” ในองค์กรญี่ปุ่น หลาย ๆ บริษัทที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจแทบจะไม่ได้สนการตลาดมากไปกว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพราะพวกเขาเชื่อว่าคุณภาพของสินค้าสามารถพูดแทนทุกอย่าง และพูดได้ดังกว่าการโฆษณาด้วยซ้ำ

นี่คือสาระสำคัญจากหนังสือการตลาดสไตล์ญี่ปุ่นที่นำเสนอผ่านความคิดเห็นของตะวันตก ในยุคการทำการค้าไร้พรมแดน การรู้เขา รู้เราเรื่องสำคัญ และเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแต่ละธุรกิจได้
 

RECCOMMEND: MARKETING

ธุรกิจเล็กก็ชนะได้ ถ้าเข้าใจ Trust Economy กลยุทธ์ใหม่ที่เร่งยอดขายได้จริง ในยุคที่ความเชื่อใจขาดแคลน

ธุรกิจเล็กอาจไม่มีงบมาก แต่ถ้ารู้จัก “Trust Economy” ก็สร้างแบรนด์ให้เติบโตเร็วกว่าได้ แม้ไม่มีงบโฆษณาหลักล้าน เพราะในยุคที่ข้อมูลปลอม รีวิวปลอม และการตลาดที่พูดเกินจริงล้นโซเชียล “ความเชื่อใจ” กลายเป็นสินค้าหายากที่สุดในตลาดวันนี้

เสื้อยืดไก่ทอดหาดใหญ่ แฟชั่นอร่อย ไอเดียขายเสื้อสุดครีเอท ใครเห็นก็อยากลองซื้อไปกิน เอ้ย! ลองใส่

ไอเดียเสื้อยืดลายไก่ทอดหาดใหญ่ ที่หยิบเอากระดาษห่อข้าวเหนียวไก่ทอด หมูทอด มาทำเป็นแพ็กเกจจิ้งสินค้า และเพิ่มความเหมือนอารมณ์ข้าวเหนียวไก่ทอดแท้ๆ ยิ่งเข้าไปอีก ด้วยการปริ้นกระดาษเป็นรูปห่อน้ำจิ้มติดเอาไว้ด้วย

ทำไมผู้ประกอบการไทยถึงสนใจลงทุน ธุรกิจร้านซักผ้าอัตโนมัติ 24 ชม. ไม่มีพนักงาน ไม่มีสต็อก แต่อยู่ได้ด้วยระบบอัตโนมัติ

ร้านซักผ้าหยอดเหรียญอัตโนมัติ เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมและถูกยกให้เป็น “อาชีพที่สอง” ที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นคือ ไม่ต้องมีสต็อกสินค้า ไม่ต้องกังวลเรื่องวันหมดอายุ ไม่ต้องบริหารพนักงาน และสามารถสร้างรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง