​ส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ไทยปี’58… ยังไปต่อได้





    จากแนวโน้มการฟื้นตัวของความต้องการ HDD โลก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เป็นผลบวกโดยตรงกับอิเล็กทรอนิกส์ไทย ซึ่งมีสินค้าหลักเป็น HDD และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องมีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 63 ของมูลค่าการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด และในปี 2557 อาจขยายตัวราวร้อยละ 4.5 ซึ่งเป็นแรงผลักดันหลักที่จะส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ไทยปี 2557 ขยายตัวราวร้อยละ 4.8 หรือมีมูลค่าประมาณ 33,190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

    และในปี 2558 คาดว่าความต้องการ HDD น่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ก็มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ ซึ่งจะผลักดันให้การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ไทยปี 2558 สามารถขยายตัวต่อได้ที่ร้อยละ 3.8-5.9 หรือมีมูลค่าประมาณ 34,450-35,150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
 


    ทิศทางอิเล็กทรอนิกส์ไทยปี 2558 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มีแนวโน้มเปลี่ยนเข้าสู่การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ขั้นต้นน้ำ (Microelectronics and Embedded System Design) มากขึ้น ซึ่งต้องใช้แรงงานที่มีความรู้ด้านการออกแบบเป็นสำคัญ แต่สำหรับการผลิตขั้นต้นน้ำที่ใช้ต้นทุนด้านเครื่องจักรสูง อาทิ การผลิต Wafer น่าจะเข้ามาภายหลังจากขั้นการออกแบบของไทยมีความเข้มแข็งเพียงพอ 

    สำหรับในปัจจุบัน การผลิตขั้นต้นน้ำในไทยยังมีค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นขั้นกลางน้ำและปลายน้ำเป็นส่วนมาก ในส่วนของอุตสาหกรรมต้นน้ำของไทยจึงยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เช่น Wafer Fabrication, PCB's Design, IC's Design เป็นต้น การที่จะพัฒนาอิเล็กทรอนิกส์ไทยได้อย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องเพิ่มในส่วนของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำหรือขั้นตอนการออกแบบ การวิจัยและพัฒนา จึงจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และนวัฒนกรรมได้ด้วยตัวเอง


    ปัจจุบัน ไทยกำลังประสบปัญหาเรื่องแรงงานฝีมือตึงตัว จึงส่งผลให้เกิดการปรับตัวในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยโดยเฉพาะขั้นปลายน้ำ (ขั้นประกอบชิ้นส่วน) และการผลิตชิ้นส่วนที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีซับซ้อนซึ่งมีการใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก โดยมีการย้ายฐานการผลิตในส่วนที่ใช้แรงงานเข้มข้นไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา เป็นต้น หรือมีปรับปรุงสายการผลิตเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automation) เพื่อเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและการพึ่งพาแรงงานคน 

    นอกเหนือจากการปรับตัวในการผลิตขั้นปลายน้ำดังกล่าว การพัฒนาอุตสาหกรรมต้นน้ำและกลางน้ำก็ได้รับการสนับสนุนภายใต้แผนนโยบายส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่จะมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2558 ซึ่งมีใจความสำคัญในการให้สิทธิประโยชน์ตามลำดับความสำคัญของประเภทกิจการและคุณค่าของโครงการ โดยเฉพาะกิจการที่มีการวิจัยและพัฒนา มีกระบวนการผลิตซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีการผลิตสูง ทั้งนี้ สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์นั้น มีการให้แรงจูงใจเป็นพิเศษเพื่อให้มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในกิจการการผลิต เช่น การออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ และเทคโนโลยี Solid State Drive (SDD) เป็นต้น 
 

    กล่าวโดยสรุป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แผนนโยบายการลงทุนฉบับใหม่ดังกล่าวน่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยที่สำคัญ ในการมุ่งสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นต้นน้ำซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีแกนหลักของอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการวางรากฐานในการพัฒนาอิเล็กทรอนิกส์ไทยในอนาคต ส่วนอิเล็กทรอนิกส์กลางน้ำ คาดว่า จะมีการปรับเปลี่ยนไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนขึ้น ในขณะที่อิเล็กทรอนิกส์ขั้นปลายน้ำมีแนวโน้มที่จะมุ่งไปสู่การใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) มากขึ้นในอนาคต


RECCOMMEND: MARKETING

ธุรกิจเล็กก็ชนะได้ ถ้าเข้าใจ Trust Economy กลยุทธ์ใหม่ที่เร่งยอดขายได้จริง ในยุคที่ความเชื่อใจขาดแคลน

ธุรกิจเล็กอาจไม่มีงบมาก แต่ถ้ารู้จัก “Trust Economy” ก็สร้างแบรนด์ให้เติบโตเร็วกว่าได้ แม้ไม่มีงบโฆษณาหลักล้าน เพราะในยุคที่ข้อมูลปลอม รีวิวปลอม และการตลาดที่พูดเกินจริงล้นโซเชียล “ความเชื่อใจ” กลายเป็นสินค้าหายากที่สุดในตลาดวันนี้

เสื้อยืดไก่ทอดหาดใหญ่ แฟชั่นอร่อย ไอเดียขายเสื้อสุดครีเอท ใครเห็นก็อยากลองซื้อไปกิน เอ้ย! ลองใส่

ไอเดียเสื้อยืดลายไก่ทอดหาดใหญ่ ที่หยิบเอากระดาษห่อข้าวเหนียวไก่ทอด หมูทอด มาทำเป็นแพ็กเกจจิ้งสินค้า และเพิ่มความเหมือนอารมณ์ข้าวเหนียวไก่ทอดแท้ๆ ยิ่งเข้าไปอีก ด้วยการปริ้นกระดาษเป็นรูปห่อน้ำจิ้มติดเอาไว้ด้วย

ทำไมผู้ประกอบการไทยถึงสนใจลงทุน ธุรกิจร้านซักผ้าอัตโนมัติ 24 ชม. ไม่มีพนักงาน ไม่มีสต็อก แต่อยู่ได้ด้วยระบบอัตโนมัติ

ร้านซักผ้าหยอดเหรียญอัตโนมัติ เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมและถูกยกให้เป็น “อาชีพที่สอง” ที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นคือ ไม่ต้องมีสต็อกสินค้า ไม่ต้องกังวลเรื่องวันหมดอายุ ไม่ต้องบริหารพนักงาน และสามารถสร้างรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง