โพลระบุค่าแรง 300 บาทนายจ้างจ่ายเพิ่ม 5.1%

ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดผลสำรวจ CEO Sentiment Index เดือนม.ค. –ก.พ. ค่าแรง 300 บาททำต้นทุนพุ่ง 5.1% ขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว-บาทแข็ง กระทบธุรกิจเดือนม.ค. ส่งผลดัชนีสภาพคล่องมีแนวโน้มลดลง

 


ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดผลสำรวจ CEO Sentiment Index เดือนม.ค. –ก.พ. ค่าแรง 300 บาททำต้นทุนพุ่ง 5.1% ขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว-บาทแข็ง กระทบธุรกิจเดือนม.ค. ส่งผลดัชนีสภาพคล่องมีแนวโน้มลดลง

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจร่วมกับศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริหาร CEO Sentiment Index ประจำเดือนมกราคม –กุมภาพันธ์ โดยสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารบริษัทจำนวน 418 คน ระหว่างวันที่ 29 มกราคม ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2556 เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ผลกระทบจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทตลอดจนการปรับตัว พบว่า ในประเด็นผลกระทบจากค่าแรง 300 บาท ผู้บริหารส่วนใหญ่ราว 63.7%  ระบุว่า  ส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้น ขณะที่ 22.4% ระบุว่า ต้นทุนการทำธุรกิจยังไม่เปลี่ยนแปลง และ 13.9%  ระบุว่าต้นทุนลดลง

โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ เฉลี่ยแล้วต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นประมาณ 10.3%  ขณะที่ต้นทุนรวมในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นประมาณ  5.1%   สำหรับแนวทางการปรับตัวของธุรกิจ เพื่อรับมือกับผลกระทบดังกล่าว การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานเป็นวิธีที่เลือกใช้มากที่สุด  63.9% รองลงมาคือ การลดต้นทุนผลิตในส่วนที่มิใช่ค่าแรง  61.4%  ขึ้นราคาสินค้าอยู่ที่ 44.1% นำเครื่องจักรมาใช้แทนพนักงานบางส่วน  39.5%  อีก 38.6%  ลดงบด้านการลงทุนระยะยาว ศก.โลกกระทบธุรกิจไตรมาสแรกมากสุด

ผลการสำรวจยังพบว่า ปัจจัยสำคัญที่สุด 5 อันดับแรกที่มีผลต่อการทำธุรกิจในไตรมาสที่ 1  คือ ภาวะเศรษฐกิจของโลก ภาวะเศรษฐกิจไทย ต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น ต้นทุนค่าขนส่งและพลังงาน และการแข็งขึ้นของค่าเงินบาทซึ่งสูงเท่ากับต้นทุนวัตถุดิบดัชนีเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลง

สำหรับดัชนีด้านเศรษฐกิจในเดือนมกราคม มีค่าเท่ากับ 39 จุด สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจโดยรวมในเดือนมกราคม 2556 ดีกว่าเดือนธันวาคม2555 แต่เมื่อพิจารณาถึงการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมของปีนี้  พบว่า  ดัชนีมีค่าลดลงเป็น 22 จุด และ 16 จุดตามลำดับ  สะท้อนให้เห็นถึงการลดลงของความเชื่อมั่นโดยรวมของผู้บริหาร โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลง  คือ การที่อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในไตรมาสสุดท้ายติดลบ  การไหลเข้ามาของเงินทุนจนทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทที่มีต่อต้นทุนในการทำธุรกิจจับตาดัชนีสภาพคล่อง การจ้างงานลด

สำหรับดัชนีด้านการทำธุรกิจซึ่งมี 4 ด้านด้วยกัน  คือ  ดัชนีด้านรายได้  ดัชนีด้านต้นทุน  ดัชนีด้านการจ้างงานและดัชนีด้านสภาพคล่องนั้น ดัชนีด้านรายได้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีค่าเป็นบวกเท่ากับ 13 จุด  สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่สามารถสร้างรายได้ในเดือนมกราคมได้มากเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปี 2555  และการคาดการณ์รายได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม  ก็มีทิศทางที่สอดคล้องกัน 
ส่วนดัชนีด้านต้นทุนอยู่ในระดับ 35 จุดในเดือนมกราคม  สะท้อนให้เห็นผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่มีต่อต้นทุนธุรกิจอย่างชัดเจน  แม้การคาดการณ์ดัชนีต้นทุนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมจะมีค่าลดลง  แต่ก็ยังคงมีค่าเป็นบวก แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในช่วงสองเดือนนี้

ขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงของรายได้และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนได้ส่งผลให้ดัชนีสภาพคล่องลดลง จากระดับ 26 จุดในเดือนมกราคม  เป็น 21 จุด  และ 8 จุดในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมตามลำดับ  ซึ่งการลดลงของสภาพคล่องจะเพิ่มความเสี่ยงในการทำธุรกิจ  การตัดสินใจเลื่อนการจ้างงานเพิ่ม  ทำให้ดัชนีการจ้างงานที่มีค่า 25 จุดในเดือนมกราคม มีค่าลดลงเป็น 15 จุดและ 11 จุดในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมตามลำดับ  

ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  กล่าวว่า ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท การแข็งขึ้นของค่าเงินบาท  และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2556  แม้ว่าค่าดัชนีทุกตัวมีค่าเป็นบวก แต่การที่แนวโน้มของดัชนีเหล่านี้มีค่าลดลง เป็นตัวสะท้อนการคาดการณ์ของผู้บริหารว่า  ช่วงเวลาที่เหลือในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความความท้าทายที่ธุรกิจจะต้องหาหนทางรับมือให้ได้

NEWS & TRENDS