รัฐดัน OTOP - SMEs ร่วมขบวนธงฟ้าแนวชายแดน

พาณิชย์สบช่องสนับสนุนสินค้า"โอท็อป-เอสเอ็มอี"ร่วมขบวนมหกรรมธงฟ้าในต่างจังหวัด หวังขยายตลาดสู่เพื่อนบ้านรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สอดคล้องภาคเอกชนแต่ภาครัฐต้องแก้จุดอ่อนด้านก.ม.ศุลกากร

 


พาณิชย์สบช่องสนับสนุนสินค้า"โอท็อป-เอสเอ็มอี"ร่วมขบวนมหกรรมธงฟ้าในต่างจังหวัด หวังขยายตลาดสู่เพื่อนบ้านรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สอดคล้องภาคเอกชนแต่ภาครัฐต้องแก้จุดอ่อนด้านก.ม.ศุลกากร

จากการตอบรับเป็นอย่างดีของนักลงทุนและผู้ประกอบการ ทำให้โครงการนำร่องเดินสายจัดงานมหกรรมธงฟ้าในต่างจังหวัดโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ อ. แม่สอด จ.ตากและที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ของกรมการค้าภายใน เพื่อการขยายโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการสินค้าไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้านรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 และจากความสำเร็จดังกล่าว ทางกรมการค้าภายในเตรียมที่จะจัดงานดังกล่าวอีกใน 4 จังหวัดเป้าหมาย ประกอบด้วย จ.หนองคาย อุดรธานี เชียงรายและระนอง

ต่อเรื่องนี้ น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงเป้าหมายของการจัดงานครั้งนี้ว่า สิ่งสำคัญต้องการจะช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่มีตลาดได้สามารถหาลู่ทางและมีโอกาสในการเข้าถึงตลาดมากขึ้น โดยกรมจะเชิญผู้ประกอบการในอาเซียนเข้ามาชมงาน อาทิ ลาว พม่า กัมพูชา รวมไปถึงการเจรจาซื้อขายสินค้าจากไทย

"นอกจากจะเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่ต้องการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเกษตรกรระบายสินค้าเกษตรในช่วงที่ผลผลิตล้นตลาด เช่น ลำไย หอมแดง และกระเทียม เป็นต้น"

อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวต่อว่า ล่าสุดรัฐบาลยังกำหนดด้วยว่า ในการจัดงานธงฟ้าทุกๆครั้งจะต้องมีสินค้า OTOP อย่างน้อย20% เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายใหม่ๆให้มีตลาดได้มีโอกาสในการขายสินค้า ซึ่งขณะนี้กรมกำลังดำเนินการเปิดรับสมัครผู้ประกอบการสินค้า OTOP เข้ามาเป็นสมาชิกธงฟ้า

น.ส.วันดี ธนาเลิศวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ กล่าวว่า การค้า ชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV คือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม มีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกโดยรวมจำนวน 9.1 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา(พ.ศ. 2555)เพิ่มขึ้นกว่า 2 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2554 และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่นายนิยม ไวยรัชพานิช รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและประธานคณะกรรมการความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน กล่าวทำนองเดียวกันว่า การค้าชายแดนเติบโตได้ดีโดยในปี 2555 สามารถสร้างมูลค่าได้กว่า 1 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น1.2 ล้านล้านบาทหรือประมาณ20% ในปีนี้

"เป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ในการทำการค้าตามแนวชายแดนอย่าง พม่า ลาวและกัมพูชา เพราะหลังจากเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 ตลาดการค้าจะเปิดกว้างมากขึ้น" นายนิยมกล่าวและว่า แต่ศักยภาพของเอสเอ็มอียังมีไม่เพียงพอ ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความสนใจและนำร่องในเปิดแนวรุกตลาดตามแนวชายแดนเป็นอันดับแรก เนื่องจากไทยมีความได้เปรียบทั้งคุณภาพสินค้าและระบบการคมนาคมขนส่งที่ง่ายและรวดเร็วกว่าประเทศคู่แข่งอย่างจีน

รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า กัมพูชาและมาเลเซีย ยังมีอุปสรรคในข้อกฎหมายเกี่ยวกับศุลกากรอีก 3 ฉบับ รัฐบาลควรเร่งแก้ไขเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

"สภาหอการค้าฯได้เสนอให้รัฐบาลอนุญาตให้ใช้เงินสกุลประเทศเพื่อนบ้านซื้อขาย ตามแนวชายแดนได้ โดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท สำหรับสินค้าที่ไทยสามารถเจาะตลาดประเทศเพื่อนบ้านได้ อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภคอุปกรณ์ก่อสร้างของประดับตกแต่งบ้านเป็นต้น"นายนิยมกล่าวในที่สุด

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

NEWS & TRENDS