Mr. Tomoyoshi Nishijima กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนโช (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัวร้าน HAMA-SUSHI ในครั้งนี้ เป็นความตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์การรับประทานซูชิต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ ภายใต้สโลแกน “อร่อยแบบต้นตำรับจากฮามะ” ให้กับคนไทย โดยมีจุดเด่นสำคัญนอกจากจะเน้นเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและปลอดภัยที่สุดแล้ว ยังใช้เทคโนโลยีระบบ “เสิร์ฟตรง” (Straight Lane) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเพื่อความสดใหม่และลดขยะจากอาหาร ที่จะส่งเมนูอาหารที่ลูกค้าสั่งตรงถึงโต๊ะอย่างรวดเร็ว ทำให้มั่นใจได้ถึงความสดใหม่ในทุกจานที่เสิร์ฟ
“ระบบเสิร์ฟตรงของเราถูกออกแบบมา เพื่อลด Food Waste หรือขยะจากอาหาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราเสิร์ฟเฉพาะเมนูที่ลูกค้าสั่งเท่านั้น ทำให้ทุกจานสดใหม่ที่สุด และยังเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย โดยลูกค้าสามารถสั่งซูชิและเมนูอื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบายผ่านแท็บเล็ตบนโต๊ะ หรือจากแถบหน้าจอ “Lane Order” บนสายพานเสิร์ฟตรง และที่นั่งยังมีภาพเมนูไหลผ่านเสมือนซูชิสายพาน เพื่อสร้างความเพลิดเพลินในการค้นพบเมนูใหม่ๆ อีกด้วย” Mr. Tomoyoshi Nishijima กล่าว
สำหรับ HAMA-SUSHI ซึ่งปัจจุบันได้ขยายสาขาไปกว่า 700 สาขาทั่วโลก ทั้งนี้บริษัทสนใจที่จะขยายตลาดไปยังภูมิภาคอาเซียนโดยเลือกเปิดสาขาแรกที่ประเทศไทย โดยตั้งเป้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในปี 2569 ด้วยการนำเสนอซูชิคุณภาพกว่า 80 เมนู รวมถึงเมนูอีกหลากหลาย อาทิ เมนู อูด้งเป็ด และกุ้งเทมปุระ เมนูโซบะกุ้งเทมปุระ ซุปมิโซะหอยลาย ฯลฯ และเพิ่มความพิเศษด้วยการนำเสนอ โชยุ 4 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น โชยุดาชิสูตรพิเศษ โชยุยูซุพอนสึ (สไตล์ชิโกกุ) โชยุสาหร่ายคอมบุจากฮอกไกโด และโชยุรสเข้มข้น (สไตล์คันโต) ให้ลูกค้าได้เลือกจับคู่กับซูชิที่ชื่นชอบ เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับประทานซูชิให้อร่อยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ HAMA-SUSHI ยังสร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ด้วยการตกแต่งภายนอกร้านด้วยสวนญี่ปุ่นที่สงบและร่มรื่น ส่วนภายในออกแบบให้อบอุ่นและนั่งสบาย เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสทั้งซูชิต้นตำรับและบรรยากาศแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง โดยวันแรกคนแห่งจองคิวถึงล้นทะลัก! เปิดจองรอบละ 500 คิว 3 รอบ จนต้องประกาศปิดรับคิว
Mr. Tomoyoshi Nishijima ยังได้กล่าวถึงพันธกิจของ ZENSHO GROUP ว่า ด้วยความเชื่อมั่นว่า อาหารคือพื้นฐานของความมั่นคงของมนุษยชาติ และมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการลดความหิวโหยผ่านการดำเนินธุรกิจ จึงได้มีกิจกรรมเพื่อสังคมที่สำคัญคือ โครงการ แฟร์เทรด (Fair Trade) ซึ่งเป็นการนำเงินจากแฟร์เทรดไปสนับสนุนการทำเกษตรให้ยั่งยืน โดยทาง HAMA-SUSHI ได้เลือกใช้เมล็ดกาแฟจากเกษตรกรไทยที่มีคุณภาพสูง ดูแลผลผลิตด้วยระบบเกษตรเชิงวนป่าแบบยั่งยืนพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย รับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรไทยโดยตรง ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจที่สำคัญในการสนับสนุนเกษตรกรไทยผ่านวัตถุดิบไทยที่ยอดเยี่ยม
“HAMA-SUSHI ไม่ได้เป็นเพียงร้านซูชิ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่เราตั้งใจจะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด จากความพิเศษเฉพาะของ HAMA-SUSHI ควบคู่ไปกับการสนับสนุนความยั่งยืนในสังคมไทยอย่างแท้จริง” Mr. Tomoyoshi Nishijima กล่าวปิดท้าย
HAMA-SUSHI ขอเชิญชวนคนไทยและนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความสดใหม่ของซูชิต้นตำรับญี่ปุ่น พร้อมนวัตกรรม 'เสิร์ฟตรง' และบรรยากาศอันอบอุ่น ในราคาที่จับต้องได้แล้ววันนี้ที่ ชั้น 5 เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และในอนาคตอันใกล้สาขา 2 ที่ฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต เน้นจับกลุ่มห้างชานเมือง เพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล
โดย HAMA-SUSHI เป็นหนึ่งในแบรนด์ของ ZENZHO HOLDINGS กลุ่มธุรกิจอาหารที่ใหญ่สุดของญี่ปุ่นดำเนินธุรกิจมานานกว่า 40 ปี ภายใต้แนวคิด Food Infrastructure หรือ “โครงสร้างพื้นฐานด้านอาหาร” ที่มองธุรกิจในภาพรวมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัตถุดิบ การผลิตการขนส่งไปจนถึงหน้าร้านเพื่อให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพและ ต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันมีแบรนด์ในเครือมากกว่า 40 แบรนด์ มีร้านอาหารประมาณ 15000 แห่งทั่วโลก รวมถึง SUKIYA แบรนด์ร้านข้าวหน้าเนื้อที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
