บริษัท อิปซอสส์ จำกัด (Ipsos Ltd.) ผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภค นำโดย พิมพ์ทัย สุวรรณศุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ นำเสนอผลงานวิจัยชุด “What Worries Thailand? H2 2025” (ความกังวลของคนไทยในครึ่งปีหลัง 2568) ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการครองชีพ โดยในครึ่งหลังของปี 2568 "ความขัดแย้งทางการทหารระหว่างประเทศ" เคยพุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของความกังวลสูงสุดในเดือนสิงหาคม แต่ล่าสุดความกังวลเชิงโครงสร้างที่เป็นปัญหาหลักมายาวนาน เช่น ปัญหาด้านการเงิน การเมือง และคอร์รัปชัน ได้กลับขึ้นมาครองอันดับความกังวลสูงสุดอีกครั้ง
โดยกล่าวว่า “ผลสำรวจชุดนี้เป็นการศึกษาประเด็นความกังวลของประชาชนคนไทยอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 ข้อมูลในรอบนี้เผยให้เห็นว่าประชาชนคนไทยมีความกังวลต่อ ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยืดเยื้อ เช่น การทุจริตคอร์รัปชัน และความเหลื่อมล้ำทางสังคมกลับมาสูงขึ้น สะท้อนถึงความคาดหวังของสาธารณชนต่อความโปร่งใสในระบบ และความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาความเปราะบางภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรม และภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน ทำให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยความกังวลในเรื่องของความขัดแย้งทางการทหารระหว่างประเทศที่พุ่งสูงขึ้นในเดือนสิงหาคม ได้ลดลงเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย”
ปัญหาเชิงโครงสร้างครองความกังวลหลักของคนไทยอีกครั้ง 'อาชญากรรมและความรุนแรง' กลับมาเป็นประเด็นสำคัญ
หลังจากที่ “ความขัดแย้งทางทหารระหว่างประเทศ” เคยพุ่งขึ้นเป็นความกังวลอันดับหนึ่งของคนไทยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (50%) ผลการวิจัยล่าสุดพบว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างภายใน ประเทศได้กลับมาครองอันดับความกังวลสูงสุดอีกครั้ง โดย 5 อันดับแรกในเดือนพฤศจิกายน 2568 มีดังนี้:
- การทุจริตทางการเงินและการเมือง (Financial/Political Corruption) ครองอันดับสูงสุดที่ 49% ของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง
- ความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคม (Poverty & Social Inequality) ยังคงเป็นความกังวลหลักที่ 36%
- ความขัดแย้งทางทหารระหว่างประเทศ (Military Conflict Between Nations) ลดลงมาอยู่ที่ 29% แต่ยังคงอยู่ใน 5 อันดับแรกอย่างต่อเนื่อง
- อาชญากรรมและความรุนแรง (Crime & Violence) กลับมาอยู่ในสี่อันดับแรกที่ 27% โดยมีการเพิ่มขึ้นถึง 6 จุดเปอร์เซ็นต์ จากเดือนก่อนหน้า
- ภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) คิดเป็น 25%
เป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องของอาชญากรรม และความรุนแรงกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง แซงหน้าภาวะเงินเฟ้อ สอดคล้องกับเรื่องของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับผู้คนจำนวนมาก
ผลสำรวจยังเผยว่า ร้อยละ 77 ของคนไทยรู้สึกว่าโลกอันตรายมากขึ้นช่วงในปีที่ผ่านมา โดยเกือบ 9 ใน 10 (88%) รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจากการถูกแฮ็กเพื่อวัตถุประสงค์ในการฉ้อโกงหรือการจารกรรม ซึ่งจัดอยู่ในอันดับ 1 ของโลก 87% รู้สึกถึงภัยคุกคามจากการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนโดยเจตนา ซึ่งจัดอยู่ในอันดับ 1 ของโลก เช่นกัน และ 76% กังวลเรื่องการถูกละเมิดความปลอดภัยส่วนบุคคล
มุมมองทางเศรษฐกิจ : คนไทยเชื่อว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะถดถอย ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย ความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการเงินส่วนบุคคลยังคงมีความซับซ้อนและเปราะบาง
ร้อยละ 76 ของคนไทยเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ใน “ภาวะถดถอย” (เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว) แม้ว่า 58% ของคนไทยมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันยังคงย่ำแย่ แต่ตัวเลขนี้ลดลงถึง 10 จุด จากเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งบ่งชี้ถึงสัญญาณของการลดลงของความรู้สึกเชิงลบ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้น
คนไทยยังคงลังเลในการซื้อของชิ้นใหญ่ เช่น บ้าน รถยนต์ หรือแม้แต่การซื้อของใช้ทั่วไปในครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจ 57% เชื่อว่าภาวะเงินเฟ้อจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี หรือไม่มีวัน กลับสู่ระดับปกติ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยและการวางแผนทางการเงินในอนาคต โดย 52% รู้สึกไม่มั่นใจที่จะซื้อสินค้าราคาสูง เช่น บ้าน รถยนต์ (เพิ่มขึ้น 4% จากปีที่ผ่านมา) และ 40% รู้สึกไม่สบายใจในการซื้อของใช้ในครัวเรือนอื่นๆ (เพิ่มขึ้น 2% จากปีที่ผ่านมา)
คนไทยรัดเข็มขัด เตรียมรับมือปี 2569 ลดค่าใช้จ่ายเกือบทุกประเภท ไม่มั่นใจถึงความมั่นคงในหน้าที่การงาน
ในส่วนของค่าใช้จ่ายครัวเรือนของคุณในอีกหกเดือนข้างหน้า สำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทต่อไปนี้ คาดหวังว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น ลดลง หรือคงเดิมเหมือนในปัจจุบัน โดยมีเปอร์เซ็นต์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น-ลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (2567)
57% ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้า เป็นต้น (-12 pp เมือเทียบกับปี 2567)
56% ค่าใช้จ่าย-ซื้ออาหาร (-10 pp)
55% ค่าเชื้อเพลิงรถยนต์ เช่น น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน/น้ำมันเบนซิน เป็นต้น (-11 pp)
51% ค่าซื้อของใช้ในครัวเรือนอื่นๆ (-11 pp)
35% ค่าใช้จ่ายในการออกสังคม-สังสรรค์ (-9 pp)
30% ค่าจำนอง/ค่าเช่าบ้าน (-8 pp)
29% ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการสมัครสมาชิก (Netflix, ค่าสมาชิกฟิตเนส เป็นต้น (-5 pp)
นอกจากนี้ คนไทยกว่า 4 ใน 10 (41%) มีความมั่นใจน้อยลงเกี่ยวกับความมั่นคงในงานของตนเอง ครอบครัว และบุคคลใกล้ชิด และเกือบครึ่ง (48%) มีความมั่นใจน้อยลงเกี่ยวกับความสามารถในการลงทุนเพื่ออนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเกษียณอายุหรือเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน
คนไทยส่วนใหญ่อยากกลับไปเกิดใน 50 ปีก่อน 2518 มากกว่ามีชีวิตในปัจจุบัน โดยเชื่อว่ามีความสุขมากกว่าในปัจจุบัน
ผลสำรวจจาก Ipsos: Is Life Getting Better? 1975 vs 2025 พบว่าคนไทยจำนวนมากมองว่าช่วงเวลาในอดีตดีกว่าปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนผ่านตัวเลข 38% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าพวกเขาอยากกลับไปเกิดในปี 2518 (1975) มากกว่าปี 2568 (2025) และ 58% ของคนไทยเชื่อว่าผู้คนเมื่อ 50 ปีก่อน มีความสุขมากกว่า ในปัจจุบัน ขณะที่มีเพียง 18% เท่านั้นที่คิดว่าปี 2568 (2025) มีความสุขมากกว่า และอีก 13% มองว่าความสุข "ใกล้เคียงกัน"
มุมมองนี้ปรากฏชัดเจนในทุกช่วงวัย โดยผู้ตอบแบบสอบถามทุกเจเนอเรชันส่วนใหญ่เลือกที่จะเกิดในอดีต (ปี 2518) มากกว่าปัจจุบัน (ปี 2568) ดังนี้ Gen Z: 34% vs 26% Millennials: 39% vs 26% Gen X : 55% vs 20% และ Baby Boomers: 54% vs 6%
หากเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตระหว่างปี 2518 และ 2568 พบว่า อดีตถูกมองว่าดีกว่าในด้าน คุณภาพสิ่งแวดล้อม (64%), ความสุขของผู้คน (58%) และ ความรู้สึกปลอดภัยบนท้องถนน (52%) ในทางตรงกันข้าม ปี 2568 ถูกมองว่าดีกว่าอย่างชัดเจนในด้าน คุณภาพของระบบบริการสุขภาพ (82%), คุณภาพการศึกษา (67%) และ มาตรฐานการครองชีพของผู้คน (45%) ความแตกต่างนี้แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในความก้าวหน้าทางวัตถุและบริการพื้นฐานของยุคปัจจุบัน แต่ยังมีความปรารถนาคุณค่าทางสังคมและความมั่นคงทางใจในอดีต
การคาดการณ์อนาคต จาก อิปซอสส์ สำหรับปี 2569
อิปซอสสรุปว่า แม้แนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นเล็กน้อย แต่คนไทยยังเชื่อว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอยและระมัดระวังการใช้จ่าย เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคในภูมิทัศน์ที่หลากหลายของปัจจุบัน ธุรกิจต้องหาความสมดุลเชิงกลยุทธ์ แบรนด์ที่สามารถผสานรวมคุณค่าดั้งเดิม เข้ากับการนำความก้าวหน้าใหม่ๆ มาใช้ จะช่วยให้เข้าถึงและสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างแท้จริงและมีประสิทธิภาพสูงสุด
โดย 57% ของคนไทยบอกว่าปี 2025 เป็นปีที่ไม่ดีสำหรับตนเองและครอบครัว ซึ่งลดลง 2 จุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่ 74% คิดว่าปี 2025 เป็นปีที่ไม่ดีสำหรับประเทศไทย เพิ่มขึ้น 9 จุดจากปีที่แล้ว ทั้งนี้ผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า ผู้คนมีการวางแผนในการรับมือกับความไม่มันใจในสถานการณ์ของปีใหม่ที่จะมาถึง ในด้านต่างๆ ดังนี้
85% จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนมากขึ้น
82% ออกกำลังกายมากกว่าปีทีแล้ว
82% ใช้เวลาในการดูแลตัวเองมากขึ้น
35% ใช้โซเชียลมีเดียให้น้อยลง
67% ดูฟุตบอลโลก
คนไทยส่วนใหญ่บอกว่าปี 2568 เป็นปีที่ “แย่” สำหรับตัวเอง ครอบครัว และประเทศ สังคมไทยโหยหาอดีตที่ “มีความสุขกว่า”
โดยรวมแล้ว คนไทยร้อยละ 57 บอกว่าปี 2568 เป็นปีที่แย่สำหรับตนเองและครอบครัว และอีกร้อยละ 74 บอกว่าปีที่กำลังจะจบนี้เป็นปีที่แย่สำหรับประเทศไทย เพิ่มขึ้นถึง 9% จากปีก่อน โดยหากย้อนกลับไปรายงานชุดเดือนมิถุนายน พบว่า คนไทยกว่าครึ่ง หรือ กว่า 56% เห็นว่าประเทศกำลังเดินผิดทาง โดยปัจจุบันสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ถึงแม้จะไม่เป็นไปในทางบวกเท่ากับช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็ตาม
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี