แนวโน้มธุรกิจไทยขยายฐานผลิตต่างประเทศมากขึ้น

นายพลากร หวั่งหลี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาดลูกค้าบริษัทและสถาบัน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วง 5 ปีหลังมานี้ สังเกตว่าบริษัทไทยที่มีสภาพคล่องและมีความพร้อม เริ่มมองหาทางเลือกเพื่อการเติบโตไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานการผลิต หรือขยายโอกาสในตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก จึงทำให้แนวโน้มการลงทุนของบริษัทไทยเติบโตสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้บริษัทไทยออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศได้อย่างเสรีมากขึ้น”



  นายพลากร หวั่งหลี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาดลูกค้าบริษัทและสถาบัน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วง 5 ปีหลังมานี้ สังเกตว่าบริษัทไทยที่มีสภาพคล่องและมีความพร้อม เริ่มมองหาทางเลือกเพื่อการเติบโตไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานการผลิต หรือขยายโอกาสในตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก จึงทำให้แนวโน้มการลงทุนของบริษัทไทยเติบโตสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้บริษัทไทยออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศได้อย่างเสรีมากขึ้น”

  “สำหรับแรงจูงใจในการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทไทยนั้น โดยรวมแล้วแบ่งได้เป็น 3 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นแรกเพื่อแสวงหาตลาดใหม่หรือรักษาส่วนแบ่งตลาดเดิมในประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่หรือมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูง ประเด็นที่สองเพื่อแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติและเข้าถึงวัตถุดิบที่ถูกกว่าในประเทศ และประเด็นสุดท้ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต” นายพลากรกล่าวต่อ

ปัจจุบันบริษัทต่างๆ ต้องการเงินทุนจำนวนมากขึ้นเพื่อการขยายธุรกิจ แม้ว่าในปัจจุบันการขอสินเชื่อจะยังคงเป็นวิธีที่นิยม แต่ก็พบว่ารูปแบบของการสนับสนุนทางการเงินของธนาคารพัฒนาไปในรูปแบบที่หลากหลายและแตกต่างจากเดิม เช่น การให้เงินกู้ร่วม การระดมทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ และยิ่งเมื่อขอบเขตการขยายธุรกิจไปสู่นานาชาติมากขึ้น ทำให้การให้บริการของธนาคารต้องรองรับการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศของลูกค้าด้วย

NEWS & TRENDS