6 เดือนแรกส่งออก SMEs ขยายนำเข้าหดตัว

สสว. เผยสถานการณ์ SMEs เดือนมิถุนายน ตัวเลขการส่งออกรวม 158,032.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.01 ขณะที่ครึ่งปีแรกตลาดส่งออกใหญ่ยังคงอยู่ที่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ส่วนกลุ่ม AEC มีอินโดนีเซียเป็นตลาดหลัก สินค้าส่งออกสำคัญ คือ อัญมณี พลาสติก และยาง ด้านการจัดตั้งกิจการใหม่ช่วง 6 เดือนแรกมีจำนวน 36,382 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 21 มีกลุ่มบริการนันทนาการ ก่อสร้างทั่วไปและอสังหาริมทรัพย์ ครองแชมป์



      สสว. เผยสถานการณ์ SMEs เดือนมิถุนายน ตัวเลขการส่งออกรวม 158,032.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.01 ขณะที่ครึ่งปีแรกตลาดส่งออกใหญ่ยังคงอยู่ที่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ส่วนกลุ่ม AEC มีอินโดนีเซียเป็นตลาดหลัก สินค้าส่งออกสำคัญ คือ อัญมณี พลาสติก และยาง ด้านการจัดตั้งกิจการใหม่ช่วง 6 เดือนแรกมีจำนวน 36,382 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 21 มีกลุ่มบริการนันทนาการ ก่อสร้างทั่วไปและอสังหาริมทรัพย์ ครองแชมป์ 

  นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ SMEs เดือนมิถุนายน 2556 ในส่วนสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของ SMEs พบว่า การส่งออกของ SMEs มีมูลค่า 158,032.06 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม คิดเป็นร้อยละ 1.01 ส่วนในช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) มีมูลค่ารวม 905,767.79 ล้านบาท 

“ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ตลาดที่ SMEs ไทย มีการส่งสินค้าออกไปมากที่สุดคือ จีน มีมูลค่า 104,304.74 ล้านบาท ตามด้วยญี่ปุ่น มูลค่า 93,319.81 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา มูลค่า 74,067.46 ล้านบาท อินโดนีเซีย มูลค่า 55,091.14 ล้านบาท และฮ่องกง มูลค่า 48,666.87 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก คือ อัญมณีและเครื่องประดับ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก ยางและของที่ทำด้วยยาง เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ น้ำตาลและขนมที่ทำจากน้ำตาล” นายชาวันย์ กล่าว

  ส่วนการนำเข้าของ SMEs เดือนมิถุนายน มีมูลค่า 183,110.20 ล้านบาท หดตัวลงจากเดือนพฤษภาคม คิดเป็นร้อยละ 7.19 ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกของปี (มกราคม-มิถุนายน) มีมูลค่ารวม 1,243,363.91 ล้านบาท หดตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 1.37 โดยมูลค่าการนำเข้าของ SMEs คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32.29 ของมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งประเทศ ทั้งนี้ตลาดที่มีการนำเข้าสินค้ามากที่สุด คือ จีน รองลงมาคือ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ ตามลำดับ สินค้าที่นำเข้ามากที่สุด คือ อัญมณีและเครื่องประดับ รองลงมาคือ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก ตามลำดับ 

 

ในด้านการจัดตั้งและยกเลิกกิจการของ SMEs ในเดือนมิถุนายน 2556 พบว่า มีกิจการที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่ จำนวน 5,753 ราย หดตัวลงจากเดือนที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 6 และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 18 ประเภทกิจการที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่มากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ บริการนันทนาการ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ขายส่งเครื่องจักร และให้คำปรึกษาด้านการจัดการ ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) กิจการที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 36,382 ราย 

 

ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากครึ่งหลังของปี 2555 คิดเป็นร้อยละ 7 และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 21 ประเภทกิจการที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริการนันทนาการ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ บริการด้านวิทยุและโทรทัศน์ และขายส่งเครื่องจักร ส่วนการยกเลิกกิจการในเดือนมิถุนายน 2556 มีจำนวน 1,170 ราย ประเภทกิจการที่มีการยกเลิกมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ บริการนันทนาการ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ขายส่งสินค้าทางเภสัชกรรม  และตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยว ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) มีการยกเลิกกิจการ รวมทั้งสิ้น 5,391 ราย ประเภทกิจการที่มีการยกเลิกมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป บริการนันทนาการ อสังหาริมทรัพย์ ตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยว และขายส่งสินค้าทางเภสัชกรรม

        อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการช่วยเสริมศักยภาพและบรรเทาผลกระทบที่ผู้ประกอบ SMEs ได้รับ ในปี 2556 สสว. ได้เดินหน้าโครงการต่างๆ เช่น โครงการการสนับสนุนดอกเบี้ยแก่ SMEs เพื่อลดผลกระทบจากการปรับค่าจ้างแรงงานในอัตรา 300 บาทต่อวัน เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ SMEs โครงการเสริมสร้างโอกาสการเป็นผู้ประกอบการใหม่ โครงการการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจ SMEs ซึ่งมีการเปิดอบรมหลักสูตรนักบริหาร SMEs ระดับสูง และในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ สสว. จะเปิดให้บริการ Front Service เพื่อเป็นจุดบริการและสนับสนุน SMEsฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อช่วยส่งเสริมให้ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโต เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

NEWS & TRENDS