นายกฯเยือนอิตาลีเห็นพ้องมุ่งส่งเสริม SMEs

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือกับ นายเอนริโก เล็ตตา (Enrico Letta) นายกรัฐมนตรีอิตาลี ณ ทำเนียบรัฐบาล (Palazzo Chigi)และเข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันแบบ Working Lunch โดยนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

 


เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือกับ นายเอนริโก เล็ตตา (Enrico Letta) นายกรัฐมนตรีอิตาลี ณ ทำเนียบรัฐบาล (Palazzo Chigi)และเข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันแบบ Working Lunch โดยนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

  ด้านความสัมพันธ์ ไทยและอิตาลีต่างยินดีที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่นและในปี พ.ศ. 2561 จะครบรอบ 150 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อิตาลี จึงนับเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และในระหว่างนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองเห็นพ้องให้มีการจัดทำ Road Map เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่างกัน และเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยปี 2561 ไทยจะเฉลิมฉลองให้เป็นปีของอิตาลี (Italy Year) และในอิตาลีจะเฉลิมฉลองให้เป็นปีของไทย (Thailand Year) ทั้งสองจึงเสนอให้คณะกรรมาธิการร่วมไทย-อิตาลี เป็นกลไกหลักในการจัดกิจกรรมดังกล่าว รวมถึงติดตามผลการหารือทวิภาคีครั้งนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอิตาลีเห็นว่า 9 ปีที่ห่างหายจากการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำ ทำให้เกิดช่องว่างความสัมพันธ์และความร่วมมือ ซึ่งจากนี้ไปจะเร่งฟื้นฟูตาม Road Map ที่กำหนดไว้

นอกจากนี้ ทั้งสองได้หารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยและอิตาลี โดยนายกรัฐมนตรีฯย้ำถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่มีเสถียรภาพ รัฐบาลกำลังดำเนินนโยบายเพื่อเตรียมพร้อมต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมือง พร้อมเร่งสร้างบรรยากาศของความปรองดองและการส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องให้อิตาลีและไทยต่างเป็นประตูสู่ภูมิภาคระหว่างกัน โดยจะเน้นการขับเคลื่อนความร่วมมือในสาขา อาหาร การออกแบบ และ SMEs เป็นสำคัญ

ด้านการค้าและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นเกี่ยวสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าวชื่นชมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย พร้อมเชิญชวนนักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนในอิตาลีเพิ่มขึ้น และนายกรัฐมนตรีฯกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่แม้จะชะลอตัวแต่ยังคงมีพื้นฐานที่มั่นคง ขณะนี้ รัฐบาลไทยกำลังลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศและโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายในเมียนมาร์ ซึ่งไทยยินดีหากอิตาลีเข้ามาร่วมลงทุนและใช้ไทยเป็นประตูสู่อาเซียน นอกจากนี้ ไทยและอิตาลีต่างหวังว่า FTA ไทย-EU ซึ่งตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่าง BOI และสถาบันเพื่อการค้าต่างประเทศของอิตาลีซึ่งจะลงนามในวันนี้ จะมีส่วนสำคัญในการขยายปริมาณการค้าและการลงทุนให้เพิ่มขึ้น

ด้านการส่งเสริมSMEs การออกแบบ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ นายกรัฐมนตรีฯชื่นชมความเข้มแข็งของ SMEs อิตาลี ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจอิตาลี และทั้งสองมั่นใจว่า การลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้าน SMEs ในวันนี้ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและอิตาลีในการพัฒนา SMEs ได้ ส่วนเรื่องการออกแบบและเศรษฐกิจสร้างสรรค์นั้น ทั้งสองเห็นว่า รสนิยมของชาวเอเชียและยุโรปที่แตกต่างกัน จะทำให้ไทยและอิตาลีร่วมกันสร้างสรรค์ ออกแบบ และผลิตสินค้าที่มีความหลากหลาย และการที่ไทยมีวัตถุดิบที่มีคุณภาพและเอกลักษณ์อย่างผ้าไหมไทย ซึ่งสามารถนำไปใช้สำหรับการออกแบบของอิตาลี จะทำให้ทั้งไทยและอิตาลีจะได้รับประโยชน์ร่วมกันและยังช่วยเพิ่มโอกาสของสินค้าอิตาลีในเอเชียอีกด้วย
 
 

NEWS & TRENDS