ไปรษณีย์ไทยตั้งบริษัทลูกหนุน SMEs

น.ส.อานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย (ปณท.) เปิดเผยว่า แผนการดำเนิน การจัดตั้งบริษัทลูกของ ปณท. หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ. คือ จัดตั้ง บริษัท ไปรษณีย์ ดิสทริบิวชั่น ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางบริหารการจัดส่งและกระจายสินค้า มุ่งเน้นให้บริการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือ ผู้ผลิตสินค้าโอท็อป ที่ไม่ได้มีเครือข่ายการกระจายสินค้าเป็นของตัวเอง ช่วยส่งเสริมและเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าให้เอสเอ็มอีมากขึ้น

 


น.ส.อานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย (ปณท.)  เปิดเผยว่า แผนการดำเนิน การจัดตั้งบริษัทลูกของ ปณท. หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ. คือ จัดตั้ง บริษัท ไปรษณีย์ ดิสทริบิวชั่น  ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางบริหารการจัดส่งและกระจายสินค้า  มุ่งเน้นให้บริการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือ ผู้ผลิตสินค้าโอท็อป ที่ไม่ได้มีเครือข่ายการกระจายสินค้าเป็นของตัวเอง  ช่วยส่งเสริมและเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าให้เอสเอ็มอีมากขึ้น

สำหรับ ไปรษณีย์ ดิสทริบิวชั่น  มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเสนอแผนรอบที่ 3  ของการตั้งบริษัทลูก จากเดิมที่เคยจะจัดตั้ง บริษัท สินเชื่อ ไปรษณีย์ไทย ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ และถูกยกเลิกพร้อมเปลี่ยนเป็น บริษัท ไปรษณีย์ โลจิสโพสต์  แต่ถูกสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ตีกลับ เนื่องจากขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ห้ามรัฐวิสาหกิจให้บริการแข่งขันกับเอกชน  

ทั้งนี้ ที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองฯเศรษฐกิจเสนอให้ปณท. ตั้งบริษัทในเครือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการให้บริการของปณท. มุ่งเน้นการให้บริการโลจิสติกส์ เนื่องจากสามารถเป็นกลไกเชื่อมต่อโครงการด้านโลจิสติกส์ของประเทศ และทำให้พัฒนาความสามารถในการแข่งขันให้บริษัทขนส่งของไทยรวมทั้งยังเป็นการบริหารจัดการทรัพย์สินของบริษัทได้ด้วย

      ขณะที่แผนธุรกิจของปณท. เอง ได้เตรียมพร้อมรองรับการเปิดประชาคมเศรฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยการเพิ่มจุดส่งของในพื้นที่ที่ติดกับชายแดนมากขึ้น เช่น อ.แม่สอด จ.ตาก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และ ในจ.มุกดาหาร เป็นต้น เพื่อรองรับปริมาณการส่งของ การใช้บริการไปรษณีย์ต่างๆ ในพื้นที่เขตชายแดน ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20%  

       นอกจากนี้ ยังได้ขยายสู่บริการให้เช่าพื้นที่อาคารไปรษณีย์กลางสาขาบางรัก ใช้งบประมาณปรับปรุงทั้งสิ้น 300 ล้านบาท เพื่อเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะช่วยให้ ปณท. มีรายได้เลี้ยงตัวเองมากขึ้น เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ตั้งเป้าว่าจะสร้างรายได้ปีละ 100 ล้านบาท เช่นเดียวกับรายได้รวมในปีนี้ที่จะเป็นไปตามเป้า 1.9 หมื่นล้านบาท

ที่มา : โพสต์ทูเดย์

NEWS & TRENDS