หอการค้าชี้ SMEs กลุ่มสุขภาพ-พลังงาน-ไอซีทีมาแรง

นส.รุ่งระวี วีระเวสส์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการ เรื่องโครงการศึกษาแนวทางการส่งเสริมกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีการเติบโตสูงของประเทศไทย จัดโดย สำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ว่า ผลการศึกษาพบว่าธุรกิจ 3 อันดับแรกที่ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ของไทยต้องจับตามากที่สุด ประกอบด้วย1.สุขภาพ 2.พลังงาน และ3.ระบบสารสนเทศ(ไอซีที) เนื่องจากกำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้ออย่างญี่ปุ่น สหภาพยุโรป(อียู) สหรัฐฯ และประเทศในตะวันออกกลาง มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ(จีดีพี)ในภาพรวม และเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)2558

 


นส.รุ่งระวี วีระเวสส์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการ เรื่องโครงการศึกษาแนวทางการส่งเสริมกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีการเติบโตสูงของประเทศไทย จัดโดย สำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ว่า ผลการศึกษาพบว่าธุรกิจ 3 อันดับแรกที่ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ของไทยต้องจับตามากที่สุด ประกอบด้วย1.สุขภาพ 2.พลังงาน และ3.ระบบสารสนเทศ(ไอซีที) เนื่องจากกำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้ออย่างญี่ปุ่น สหภาพยุโรป(อียู) สหรัฐฯ และประเทศในตะวันออกกลาง มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ(จีดีพี)ในภาพรวม และเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)2558

         โดยธุรกิจสุขภาพ-ความงาม เป็นกลุ่มที่แนวโน้มเติบโตสูงที่สุด กลุ่มนี้ครอบคลุมทั้งบริการด้านการแพทย์ และการศัลยกรรมเพื่อความงาม แต่ในทางการโปรโมทเอสเอ็มอีกลุ่มนี้ ไทยควรส่งเสริมผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม สสว.ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โปรโมทธุรกิจสุขภาพ ความงาม ควบคู่กับการท่องเที่ยวของไทย เพราะจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเอสเอ็มอีได้ อาทิ รักษาตัวในโรงพยาบาลเสร็จแล้วท่องเที่ยวต่อเพื่อการบำบัด พักฟื้น ธุรกิจนี้มีกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่แล้วคือ ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น

             ขณะที่กลุ่มพลังงานทดแทน เป็นธุรกิจที่เอสเอ็มอีไทยมีศักยภาพ แต่พบว่าปัญหาเกิดจากนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนแต่ยังเกิดความขัดแย้งกัน อาทิ สนับสนุนน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอล เป็นอี 20 อี85 แต่ปัจจุบันกลับไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะยังมีนโยบายอุดหนุนราคาน้ำมันทั่วไปผ่านเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และธุรกิจไอซีที ที่เอสเอ็มอีไทยมีความสามารถ ต่างชาติให้การยอมรับ แต่เมื่อพิจารณานโยบายสนับสนุนจากภาครัฐพบว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น
          
นางวิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการสสว.กล่าวว่า การศึกษาธุรกิจเอสเอ็มอีครั้งนี้ประกอบด้วย 12 กลุ่ม  ประกอบด้วย ธุรกิจด้านพลังงาน ธุรกิจการก่อสร้าง ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เกษตรกรรม ด้านสุขภาพ การขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจท่องเที่ยว การบริการด้านการศึกษา ธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วน ด้านไอที/ไอซีที อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูงสุดคือ ธุรกิจด้านความงาม 


ที่มา : แนวหน้า

NEWS & TRENDS