นางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจและเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งภาคการผลิตจะสามารถผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนทั่วไป โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs จำนวนกว่า 2.646 ล้านรายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกระทบอย่างมาก ทั้งในด้านยอดขายที่ลดน้อยลง ทำให้ต้องชะลอกำลังการผลิต จึงได้คิดนำเสนอกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรมให้สอดรับกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน โดยการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคการผลิตเพื่อลดความเสี่ยง
นางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจและเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งภาคการผลิตจะสามารถผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนทั่วไป โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs จำนวนกว่า 2.646 ล้านรายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกระทบอย่างมาก ทั้งในด้านยอดขายที่ลดน้อยลง ทำให้ต้องชะลอกำลังการผลิต จึงได้คิดนำเสนอกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรมให้สอดรับกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน โดยการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคการผลิตเพื่อลดความเสี่ยง
สำหรับอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งไม่เพียงแต่จะพึ่งพาตลาดภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังกระจายออกสู่ตลาดเป้าหมายในต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ผ่าน 2 กลยุทธ์ อันได้แก่ 1.การรุกบุกตลาดใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่มุ่งเจาะกลุ่มประเทศใน AEC 2. การเร่งสร้างกลุ่มเครือข่ายผู้ประกอบการ ผ่านโครงการ “การสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทย” จะสร้างเครือข่ายทางธุรกิจแก่ SMEs เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคธุรกิจและเป็นเวทีในการเปิดการค้าทางธุรกิจ
