กกร.แนะผู้ประกอบการเตรียมแผนรับมือ กปปส.ชัตดาวน์

กกร.แนะผู้ประกอบการหาที่ทำงานสำรองช่วง กปปส.ชัตดาวน์ พร้อมนัด 7 องค์กรภาคเอกชนเชิญทุกฝ่ายร่วมหาทางออกในการปฎิรูปประเทศไทยภายใน 1-2 วันนี้ วอนทุกฝ่ายเห็นแก่บ้านเมือง

 


กกร.แนะผู้ประกอบการหาที่ทำงานสำรองช่วง กปปส.ชัตดาวน์  พร้อมนัด  7 องค์กรภาคเอกชนเชิญทุกฝ่ายร่วมหาทางออกในการปฎิรูปประเทศไทยภายใน 1-2 วันนี้  วอนทุกฝ่ายเห็นแก่บ้านเมือง

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)เปิดเผยว่า ที่ประชุมซึ่งประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.), สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ,สมาคมธนาคารไทยร่วมกันหารือถึงผลกระทบในกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)จะนำประชาชนชุมนุมปิดถนนเส้นทางสำคัญๆในพื้นที่กรุงเทพฯ (ชัตดาวน์)ในวันที่ 13 มกราคม 2557

                โดยที่ประชุมมีมติให้เตือนสมาชิกเตรียมตัวให้มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจไม่ให้สะดุดลง บางองค์กรที่ไม่สามารถเข้ามาในสำนักงานภายในกรุงเทพได้ หรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็ให้หาที่ทำงานสำรองแทน หรือย้ายสำนักงานมาทำงานที่โรงงานที่อยู่รอบนอกแทน เพื่อให้ให้กระทบต่อการผลิตและการดำเนินงานหากมีการชุมนุมยืดเยื้อ

                 ทั้ง3 องค์กรใน กกร.ต่างมีความเห็นตรงกัน คือ  อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านขอให้พูดคุยกันเพื่อพยายามหาข้อยุติ ให้ได้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดเป็นผลสืบเนื่องมาจากการดำเนินการของพรรคการเมืองแต่ความเห็นไม่ตรงกัน การจะดำเนินใดๆ กกร. ขอให้คิดถึงบ้านเมืองและความสงบสุขของประเทศเป็นหลัก

                นายอิสระ  กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้ทั้งภาคอุตสาหกรรม การบริการ การบริโภค และการเกษตรมีอัตราการเติบโตลดลง โดยเฉพาะเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ค่าเงินบาทอ่อนซึ่งส่งผลกระทบต่อการนำเข้าเป็นอย่างมากทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น ดังนั้นที่ประชุมมีข้อเสนอแนะให้ผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้น รวมทั้งหาช่องทางการตลาดใหม่เพิ่มเติมอาทิ การจัดเทรดแฟร์บริเวณชายแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น

            นอกจากนี้จะร่วมกับ 7 องค์กรภาคเอกชน จัดระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอีกครั้งในอีก 1-2 วันนี้ เพื่อให้ได้ข้อยุติของประเทศโดยจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เช่น  ฝ่ายการเมือง ทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล  ศาลรัฐธรรมนูญ นักวิชาการ  กกต. เครือข่ายภาคสังคม สภาพัฒนาชุมชุน ให้เข้ามาให้ความเห็นและสรุปข้อคิดเห็นต่อไป ว่า ทางออกของประเทศไทยมีอะไรบ้าง ซึ่ง 7 องค์กรภาคเอกชนจะเป็นตัวกลางจัดเวทีขึ้น โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นข้อเสนอแนะ และให้ทางออกให้กับภาครัฐและกลุ่ม กปปส.

            นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสอท.แถลงจุดยืนกกร. ว่า1.ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ 2. อยากเห็นการแก้ไขความขัดแย้งและการหาทางออกจากวิกฤตทางการเมือง ด้วยสันติวิธี โดยเร็วที่สุดบนพื้นฐานของประโยชน์ของชาติตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข  และ3.การเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 13 มกราคมที่จะถึงนี้กกร. เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและเศษฐกิจของผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายย่อยหรือผู้ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงภาระกิจในการเดินทางในพื้นที่เสี่ยงเช่นนักเรียน นักศึกษา ผู้ป่วย แพทย์ พยาบาล คนทำงานและประชาชนโดยทั่วไปจึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้คำนึงถึงผลกระทบข้างเคียงนี้ด้วย

             นายพยุงศักดิ์ คาดการณ์ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เศรษฐกิจที่คาดว่าปีนี้จะขยายตัว  3-4 %นั้น อาจจะลดลง 1%หรือคิดเป็นมูลค่า 120,000 ล้านบาท

             นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ยืนยันว่าแต่ละธนาคารเตรียมความพร้อมรับมือเอาไว้แล้วโดยมอบหมายให้แต่ละสาขาพิจารณาพื้นที่ที่เปิดอยู่ว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด หากจำเป็นก็ปิดทำการได้แต่มั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเบิกเงิน สามารถให้บริการได้อย่างเพียงพอ สิ่งสำคัญ คือ ระบบชำระเงินต้องไม่สะดุด เพราะเป็นหัวใจสำคัญของระบบธนาคารพาณิชย์
 

NEWS & TRENDS