สอท.คาดได้รัฐบาลใหม่อย่างต่ำ 6 เดือน SMEs เดือดร้อนหนักแน่

สอท.คาดใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนผุดรัฐบาลใหม่ หวั่นช่วงสุญญากาศ หน่วยงานรัฐเกียร์ว่าง กระทบต่อการขอบีโอไอและขอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ทำเอสเอ็มอีกระทบหนัก ชี้การเมืองทุบบรรยากาศการค้าขาย 2 ปี เอสเอ็มอีรายได้หด 25% วอนการเมืองเบรกปัญหาให้ได้ภายใน 2-3 เดือน ให้เอสเอ็มอีท่องเที่ยวได้มีโอกาสฟื้นตัว บีโอไอเร่งศึกษาลู่ทางการค้า กลาง-อีสาน-ใต้

 

สอท.คาดใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนผุดรัฐบาลใหม่ หวั่นช่วงสุญญากาศ หน่วยงานรัฐเกียร์ว่าง กระทบต่อการขอบีโอไอและขอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ทำเอสเอ็มอีกระทบหนัก ชี้การเมืองทุบบรรยากาศการค้าขาย 2 ปี เอสเอ็มอีรายได้หด 25% วอนการเมืองเบรกปัญหาให้ได้ภายใน 2-3 เดือน ให้เอสเอ็มอีท่องเที่ยวได้มีโอกาสฟื้นตัว บีโอไอเร่งศึกษาลู่ทางการค้า  กลาง-อีสาน-ใต้

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เป็นสมาชิกของ สอท.ว่า ขณะนี้ธุรกิจเอสเอ็มอีอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้ว และยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองทำให้บรรยากาศการค้าการลงทุนซบเซาลง ซึ่งคาดว่าปี 2557 รายได้ของผู้ประกอบการจะลดลงอีก 10% จากปี 2556 ที่ลดลงไปแล้ว 15-20% ดังนั้น เมื่อรวมทั้ง 2 ปี (2556-2557) รายได้ของเอสเอ็มอีจะหดตัวมากกว่า 25% ซึ่งถือว่าสูงมาก และสูงเกินกว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีบางรายจะรับได้

นอกจากนี้ สอท.ยังพบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผลิตสินค้าไม่เต็มกำลังการผลิต โดยผลิตเพียง 64% ของกำลังเครื่องจักร เนื่องจากบรรยากาศการค้าการลงทุนหดตัวลง ส่งผลให้ยอดขายลดลง ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตลงด้วย ซึ่งกำลังการผลิตที่หดตัวเหลือ 64% ถือเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงมากต่อการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี

พร้อมกันนี้ สอท.ยังประเมินว่า ปัญหาการเมืองทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ซึ่งจะเกิดช่วงสุญญากาศในการบริหารประเทศ ขาดรัฐบาลที่จะมากระตุ้นการค้าการลงทุน รวมทั้งยังขาดการส่งเสริมการลงทุน เพราะไม่มีคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มาอนุมัติโครงการต่างๆ และยังขาดหน่วยงานที่จะพิจารณาปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับเอสเอ็มอี ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยที่กระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีและทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอุตสาหกรรมเติบโตเพียง 2-2.5% ต่ำกว่าที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินไว้ว่า ปี 2557 จะเติบโต 3-4% เนื่องจากการประเมินของ สศค.ดังกล่าวยังไม่ได้รวมปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อและการประเมินสถานการณ์ขึ้นรุนแรงเอาไว้   

นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า จากการสำรวจความเห็นของเอสเอ็มอี ยังพบด้วยว่า เอสเอ็มอีกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ รีสอร์ต ผู้ให้บริการรถตู้ รถบัส และร้านอาหาร เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองมากที่สุด เนื่องจากบรรยากาศการค้าขายหายไปมาก และมีโอกาสสูงที่ภาพรวมของธุรกิจเอสเอ็มอีจะซบเซาจนถึงติดลบได้ในปี 2557 นี้ หากการเมืองยังยืดเยื้อต่อไป อย่างไรก็ตาม สอท.ต้องการเรียกร้องให้การเมืองกลับมาสงบโดยเร็ว ภายใน 2-3 เดือนนี้ เพื่อให้ธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวได้กลับมาฟื้นตัว 

นายเจษฎา ศรศึก ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาปัจจัยสนับสนุนการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 4-7 มี.ค. 2557 บีโอไอ โดยสำนักพัฒนาฯ จะร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 3 (บีโอไอ ขอนแก่น) นำผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมกว่า 30 ราย ร่วมกิจกรรมสร้างเครือข่ายการค้าการลงทุนและชักจูงการลงทุนในภาคใต้ เส้นทาง กรุงเทพฯ–กระบี่–ภูเก็ต เพื่อกระตุ้นและชักจูงการลงทุนในประเทศในรูปแบบของการลงทุนข้ามพื้นที่ และก่อให้เกิดการต่อยอดการลงทุนในอุตสาหกรรมตามยุทธศาสตร์ของประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว.

 

NEWS & TRENDS