นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สมาคมเอสเอ็มอีไทย) กล่าวว่า ได้ส่งแบบสอบถามผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง ให้สมาชิกเอสเอ็มอีทั่วประเทศกว่า 8,000 ราย ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้ยอดขายชะลออย่างชัดเจน และมีสถานการณ์ชะลอการจ่ายค่าสินค้า หรือจ่ายไม่เต็มวงเงินแล้ว ซึ่งต้องการให้ทุกฝ่าย หาข้อยุติโดยเร็ว เนื่องจากหากสถานการณ์ยืดเยื้อนานเท่าไร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะได้รับผลกระทบมากเท่านั้น
นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สมาคมเอสเอ็มอีไทย) กล่าวว่า ได้ส่งแบบสอบถามผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง ให้สมาชิกเอสเอ็มอีทั่วประเทศกว่า 8,000 ราย ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้ยอดขายชะลออย่างชัดเจน และมีสถานการณ์ชะลอการจ่ายค่าสินค้า หรือจ่ายไม่เต็มวงเงินแล้ว ซึ่งต้องการให้ทุกฝ่าย หาข้อยุติโดยเร็ว เนื่องจากหากสถานการณ์ยืดเยื้อนานเท่าไร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะได้รับผลกระทบมากเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแนวทางที่ต้องการให้ภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือ หาวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบเอสเอ็มอี เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 3 % รวมทั้งต้องการให้ภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบการ เนื่องจากขณะนี้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถขายสินค้าได้ เพราะผู้บริโภค ไม่มีอารมณ์ในการใช้จ่าย
“ผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอีเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนสายป่านสั้น ส่วนใหญ่เป็นเงินทุนหมุนวียน จากแบบสอบถามตอยบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ได้รับผลกระทบอย่างมากแล้ว บางคนก็บอกว่า จ่ายเดิมคู่ค้าที่ซื้อของกันเอง จ่ายเต็มวงเงิน ตอนนี้เริ่มจ่ายไม่เต็มแล้ว เช่น เดิมจ่ายเต็ม 5 แสนบาท ตอนนี้ก็ขอจ่ายครั้งละ 1 แสนบาท และก็มีหลายรายไม่กล้าลงทุนเพิ่ม หรือซื้อของมาขายเพิ่ม เพราะไม่รู้ว่า ในอนาคตจะมีเงินมาจ่ายหนี้ได้หรือไม่ ตอนนี้กระทบกันเป็นลูกโซ่ทั้งหมด”