นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนช่วงวันวาเลนไทน์ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 3-7 ก.พ.2557 พบว่าค่าใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์ในการซื้อของขวัญให้กับคู่รักเฉลี่ยแล้ว 996 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงวันวาเลนไทน์ เฉลี่ย 1,813 บาท โดยเงินที่นำมาใช้จ่ายส่วนใหญ่ 39.5% จะใช้เงินเดือนในการซื้อสินค้า ส่วน 30.2% ใช้เงินโบนัส และ 29.6% ใช้เงินออม ทำให้คาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้กว่า 3,361 ล้านบาท คิดเป็น 4.7% ลดลงจากปีที่แล้วที่ 14.99% มูลค่า 3,210 ล้านบาท
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนช่วงวันวาเลนไทน์ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 3-7 ก.พ.2557 พบว่าค่าใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์ในการซื้อของขวัญให้กับคู่รักเฉลี่ยแล้ว 996 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงวันวาเลนไทน์ เฉลี่ย 1,813 บาท โดยเงินที่นำมาใช้จ่ายส่วนใหญ่ 39.5% จะใช้เงินเดือนในการซื้อสินค้า ส่วน 30.2% ใช้เงินโบนัส และ 29.6% ใช้เงินออม ทำให้คาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้กว่า 3,361 ล้านบาท คิดเป็น 4.7% ลดลงจากปีที่แล้วที่ 14.99% มูลค่า 3,210 ล้านบาท
ส่วนผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในวันมาฆบูชา ซึ่งปีนี้ตรงกับวันวาเลนไทน์ พบว่าส่วนใหญ่ 87.1% จะเดินทางไปทำบุญไหว้พระ โดยจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 2,318 บาท จะมีเงินสะพัดกว่า 2,890 ล้านบาท คิดเป็น 4.4% ทำให้ทั้งวาเลนไทน์และมาฆบูชาปีนี้มีความคึกคักน้อยลง โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดทั้งในวันวาเลนไทน์และวันมาฆบูชารวมทั้งสิ้น 6,251.37 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากปัจจัยต่างๆ ทำให้พบว่าการใช้จ่ายวันวาเลนไทน์ปีนี้มีการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 8 ปี ขณะที่วันมาฆบูชาขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยส่วนใหญ่มองว่าปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาแพงขึ้น รวมถึงสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนทำให้ประชาชนระมัด ระวังในการใช้จ่าย ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าสภาวะเศรษฐกิจในเดือนนี้ การใช้จ่ายของประชาชนจะลดลง ซึ่งหอการค้าไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ที่ 3% และผลจากการเมืองที่ยังไม่ทราบว่าจะจบอย่างไรจะส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชน โดยจากภาพรวมเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีต่อไปจะโตได้เพียง 3-4% จากที่คาดว่าหากไม่มีสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบจะสามารถเติบโตได้เกินกว่า 5%
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่าบุคคลที่กลุ่มตัวอย่างต้องการมอบดอกกุหลาบให้มากที่สุดในแวดวงการเมืองคือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. 10.1% น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 9.1% นายบรรหาร ศิลปอาชา 6% นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 5.8% ส่วนบุคคลในแวดวงบันเทิงในส่วนของนักแสดงคือ เจมส์-จิ 3.4% นักร้องอันดับ 1 คือใบเตย 5.9%
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นมีความเป็นห่วงและกังวลว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะหดตัวลงไปเรื่อยๆ การส่งออกก็ยังไม่มีความแน่นอน ซึ่งหากสถานการณ์การเมืองยังไม่ยุติก็จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในอนาคตโดยจะทำให้เด็กจบใหม่ตกงานมากขึ้น