โรงงานผลิตแบรนด์ในประเทศยอดขายทรุดกว่า 50%

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส. อ.ท.) เปิดเผยว่าผลกระทบจากความขัดแย้งการเมืองในขณะนี้ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่พึ่งพาตลาดภายในประเทศ เริ่มมีปัญหาขาดสภาพคล่อง เนื่องจากความมั่นใจของผู้บริโภคลดลง รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง เห็นได้จากยอดเข้าพักโรงแรมในเขตกรุงเทพฯ จากปกติ 70 – 80%ลดลงเหลือเพียง 10 – 20% ส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตสินค้าที่เป็นแบรนด์ภายในประเทศ มียอดขายลดลงกว่า 50% ซึ่งจะฉุดยอดกำลังการผลิตสินค้าโดยรวมในปีนี้ลดลงจากเดิม 64%เหลือ 58 – 60%ทำให้คาดว่าจีดีพีของไทยในปีนี้จะอยู่ในระดับ 3%ต่ำกว่าอัตราจีดีพีโลกที่คาดว่าจะขยายตัว 3.6%

 


นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส. อ.ท.) เปิดเผยว่าผลกระทบจากความขัดแย้งการเมืองในขณะนี้ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่พึ่งพาตลาดภายในประเทศ เริ่มมีปัญหาขาดสภาพคล่อง เนื่องจากความมั่นใจของผู้บริโภคลดลง  รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง เห็นได้จากยอดเข้าพักโรงแรมในเขตกรุงเทพฯ จากปกติ 70 – 80%ลดลงเหลือเพียง 10 – 20% ส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตสินค้าที่เป็นแบรนด์ภายในประเทศ มียอดขายลดลงกว่า 50% ซึ่งจะฉุดยอดกำลังการผลิตสินค้าโดยรวมในปีนี้ลดลงจากเดิม 64%เหลือ 58 – 60%ทำให้คาดว่าจีดีพีของไทยในปีนี้จะอยู่ในระดับ 3%ต่ำกว่าอัตราจีดีพีโลกที่คาดว่าจะขยายตัว 3.6%

ส่วนกรณีการที่รัฐบาลจะเข้ามาตรวจสอบบัญชีธุรกรรมทางการเงินของบริษัทเอกชน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ กปปส. นั้น อาจทำให้ผู้ประกอบการบางกลุ่มไม่พอใจ ซึ่งภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลตรวจสอบบริษัทเหล่านี้อย่างโปร่งใส ซึ่งมองว่า การที่บริษัทบางแห่งให้การสนับสนุน กปปส. หรือกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เป็นสิทธิส่วนตัวหรือไม่ จะต้องตีความในจุดนี้ให้ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ผู้นำองค์กรเอกชนต่าง ๆ เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย หรือสมาคมอื่น ๆ ที่เข้ามาร่วมกับ 7องค์กรธุรกิจ เพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้น เข้ามาทำงานในนามส่วนตัว ไม่ได้นำองค์กรธุรกิจของตนเองเข้ามาร่วม และการดำเนินงานที่ผ่านมา คงไว้ซึ่งความเป็นกลาง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถไปเจรจากับคู่ขัดแย้งฝ่ายต่าง ๆ ได้ ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่ควรนำองค์กรธุรกิจต่าง ๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางการเมือง
 

NEWS & TRENDS