สิ้นปีไร้รัฐบาล SMEs เสี่ยงปิดตัวก่อหนี้เน่ากระทบสถาบันการเงิน

สิ้นปีไร้รัฐบาลห่วง SMEs เข้าขั้นวิกฤต เสี่ยงปิดกิจการสูง ส่งผลลูกโซ่เกิดหนี้เน้ากระทบสถาบันการเงิน ชี้ภาครัฐต้องลงมาช่วยอย่างเร่งด่วน



    
    นายธนิต โสรัตน์ รองประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาค การเงิน การคลัง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า หลังมีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ส่งผลให้การเมืองไทยอยู่ในสภาพสุญญากาศ ไม่มีนายกรัฐมนตรี ไม่มีรัฐบาล ไม่มีประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงยังไม่ได้ประธานวุฒิสภา เชื่อว่าจนถึงสิ้นปีนี้ ไทยก็จะยังคงอยู่ในสภาพไม่มีนายกรัฐมนตรี

    ทั้งนี้ การที่คณะรัฐมนตรีบางส่วนพ้นสภาพตามนายกรัฐมนตรีตามไปด้วย ทำให้นโยบายผลักดันหลายด้านสะดุดลง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และการลงทุน ซึ่งในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ทำให้ไม่สามารถอนุมัติโครงการลงทุนกว่า 7 แสนล้านบาทได้

    การบริโภคภายในประเทศมีแนวโน้มติดลบ นอกจากนี้ การลงทุนอาจหยุดชะงัก เนื่องจากนายกรัฐมนตรีน่าจะสิ้นสุดสภาพการเป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ลงไปด้วย ส่งผลให้คณะกรรมการสิ้นสภาพลงทั้งคณะ ไม่สามารถพิจารณาอนุมัติโครงการที่ค้างอยู่กว่า 7 แสนล้านต่อได้

    สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเศรษฐกิจและการลงทุนว่างยาวไปถึงปีหน้า เรื่องที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่เรื่องจีดีพีประเทศ แต่เป็นเรื่องเอสเอ็มอี เพราะปี 2558 จะไม่มีงบประมาณของภาครัฐลงมากระตุ้น ทำให้เอสเอ็มอีอาจขาดสภาพคล่องและต้องปิดตัวลง ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ หากมีเอสเอ็มอีเจ๊งจำนวนมาก ก็จะส่งผลต่อฐานะของสถาบันการเงินด้วย

    ปัจจุบัน ภาคการเงินการธนาคารเริ่มมีสัญญาณปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) สูงขึ้นเป็นลำดับ แม้แต่ละสถาบันการเงินจะไม่ได้ออกมากล่าวอย่างชัดเจน แต่ความเข้มงวดในการปล่อยกู้คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ผู้ประกอบการ

    อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ไทยอยู่ในภาวะสุญญากาศ ต้องการให้ภาคราชการลงมาให้ความช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี และขับเคลื่อนงานของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประเทศเดินต่อไป

    นายธนิต กล่าวอีกว่า สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้ ผลกระทบจากการไม่มีรัฐบาลอย่างยาวนานจะส่งผลต่อการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนช่วงปลายปี 2558 อย่างแน่นอน เพราะเป็นการรวมตัวในช่วงที่ไทยกำลังอ่อนแอ ภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอีประสบปัญหา

    ทางออกประเทศที่จำเป็นที่สุดขณะนี้ คือคู่ขัดแย้งทุกฝ่ายถอยคนละก้าว ให้ประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง ถ้าศัพท์บางคำทำให้เหมือนยอมรับท่าทีของอีกฝ่าย เช่น ปฏิรูป ก็ไม่ต้องใช้ หาคำศัพท์กลางคำใหม่ ที่ทุกฝ่ายพร้อมจะยอมรับแล้วใช้ร่วมกัน หากยืดเยื้อต่อไปเรื่อยๆ อาจมีผลกระทบกันเป็นลูกระนาด นายธนิต กล่าว

    สำหรับสภากำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปแต่ละด้าน เพื่อเสนอต่อรัฐบาล แต่หลังผลการตัดสินออกมาในลักษณะดังกล่าว ทำให้ต้องศึกษาต่อไปว่าผลการศึกษาที่ออกมาจะนำไปเสนอใครต่อไป ขณะที่เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนั้น ต้องรอลุ้นรายได้จากภาคส่งออกเป็นหลัก เพราะรายได้ภาคธุรกิจในประเทศมีโอกาสเติบโตน้อยแล้ว

    นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สสวท.) กล่าวว่า การให้นายกรัฐมนตรีพ้นสภาพและแต่งตั้งนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกฯแทนนั้น เชื่อว่า จะไม่ทำให้สถานการณ์ของประเทศเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันแต่อย่างใดเพราะมีการเปลี่ยนแปลงบุคคลเข้ามาตำหน้าที่เท่านั้น

    การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ้นสภาพพร้อมครม.ที่เกี่ยวข้องว่า ในขณะนี้ได้การแต่งตั้ง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นผู้รักษาการนายกรัฐมนตรี แล้ว แต่เชื่อว่า สถานการณ์ของประเทศไทยจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันแต่อย่างใด เพราะมีการเปลี่ยนแปลงบุคคลเข้ามาทำหน้าที่เท่านั้น

    ทั้งนี้ ภาคเอกชนอยากให้มีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีรัฐบาลอย่างเป็นทางการเข้ามาทำหน้าที่ เพื่อเร่งเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ และกระตุ้นความเชื่อมั่นของคนในประเทศ และนักลงทุนในต่างประเทศให้กลับมาเร็วที่สุด รวมทั้ง ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง เพราะขณะนี้ เอสเอ็มอี กำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลงอย่างมาก

    สำหรับรัฐบาลที่จะเข้ามาทำงานนั้น อยากให้มีนโยบายช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างเร่งด่วน ทั้งในเรื่อง การออกมาตรการอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีแหล่งเงินทุน และสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และหาตลาดใหม่ให้แก่เอสเอ็มอี ทำให้ยอดขายสูงขึ้น

    ไม่มีรัฐบาลทางการเข้ามาทำหน้าที่ ก็ส่งผลให้นักลงทุนในประเทศ ไม่กล้าลงทุน เพราะไม่มีรัฐบาลคอยทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนลงทุน มีการเบิกจ่ายงบประมาณออกมา นักลงทุนต่างชาติก็ชะลอลงทุน ในขณะนี้เศรษฐกิจในประเทศอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่อย่างมาก กำลังซื้อไม่ดี เอสเอ็มอีได้รับผลกระทบมาก นางเพ็ญทิพย์ กล่าว

ที่มา : www.posttoday.com
        

NEWS & TRENDS