การเมืองยืดเยื้อคาดปลายปี SMEs สิ้นชีพ 8 แสนเปิด AEC ยิ่งหนัก

หอการค้าไทยชี้ปลายปีไร้รัฐบาลการเมืองยืดเยื้อ คาดเอสเอ็มอีเจ๊งระนาว 8 แสนราย เผยหากเปิดอาเซียนเจอหนักกว่านี้




    นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินศักยภาพการแข่งขันของสินค้าไทยในASEAN + 3 ได้แก่ จีน เกาหลี และญี่ปุ่น โดยระบุว่าจากการวิเคราะห์สินค้า 8 รายการ ได้แก่ ยางพารา ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ยานพาหนะ ชิ้นส่วนประกอบอุปกรณ์ขนส่ง, ผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้า ข้าว น้ำมันปาล์มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทยที่มีสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ของการส่งออกรวม พบว่าในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา (ปี 2550-2556) ซึ่งไทยเริ่มทำความตกลง ASEAN + 3 ปรากฏว่าไทยสูญเสียตลาดส่งออกสินค้าให้กับประเทศสมาชิกอื่นในอาเซียน คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 180,000 ล้านบาท

    ทั้งนี้ สินค้าที่มีศักยภาพในการแข่งขันแย่ลง ได้แก่ ข้าว น้ำมันปาล์มดิบ และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ส่วนสินค้าที่มีศักยภาพปานกลาง ได้แก่ผลิตภัณฑ์ไม้ และเครื่องใช้ไฟฟ้า

     หากสถานการณ์ทางการเมืองยังมีความขัดแย้งยืดเยื้อจนถึงปลายปี 2557 ผลิตภัณฑ์ไม้ และเครื่องใช้ไฟฟ้า จะมีศักยภาพการแข่งขันลดลงจากปานกลางไปสู่กลุ่มที่มีศักยภาพแย่ลง ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสูญเสียตลาดส่งออกให้กับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในอาเซียน คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 250,000 ล้านบาท

     โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอีมีแนวโน้มจะปิดตัวลงประมาณร้อยละ 30-40 หรือประมาณ 700,000 - 800,000 ราย จากเอสเอ็มอีทั้งประเทศกว่า 2 ล้านราย ซึ่งสถานการณ์จะยิ่งรุนแรงขึ้น เมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 และการเมืองไทยยังไม่นิ่ง

    สำหรับปัญหาของประเทศไทยขณะนี้มีอยู่เรื่องเดียว คือ ปัญหาทางการเมือง เพราะไทยมีศักยภาพทุกอย่างพร้อม เพียงแค่การเมืองนิ่งไทยก็จะมีศักยภาพการแข่งขันในอาเซียนเพิ่มขึ้น ส่วนอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้จนถึงปีหน้ามีโอกาสที่จีดีพีอาจจะถึงขั้นติดลบจากปัญหาการเมืองเพราะไม่มีงบประมาณรายจ่ายปี 2558 ที่จะพยุงเศรษฐกิจให้เกิดการลงทุน เบื้องต้นจีดีพี ปีนี้และปีหน้าอาจจะติดลบแน่นอน

ที่มา :  http://www.bangkokbiznews.com/
 

NEWS & TRENDS