นายกสมาคมภัตตาคารไทย เผยการเมืองยืดเยื้อทำธุรกิจร้านอาหารสูญรายได้กว่า 30,000 ล้านบาท ชี้เอสเอ็มอีอาการหนักสุด สาป่านขาด ไร้แบงก์ปล่อยกู้
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อมากกว่า 6 เดือน ทำให้ธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารสูญเสียรายได้ไปแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผล กระทบเริ่มขาดสภาพคล่องมาก จึงต้องกู้ยืมเงินนอกระบบ เพราะธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยกู้ ทั้งยังลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้วยการลดการจ้างพนักงานระดับสูงและเงินเดือนสูงออก แต่คงเหลือพนักงานระดับแรงงานพม่าไว้ เพราะมีต้นทุนต่ำกว่า
"ภาคธุรกิจร้านอาหารจริงๆ ไม่ได้เป็นภาคที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เหมือนภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ส่งออก แต่ร้านอาหารจะได้รับผลทางอ้อม เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไป ตอนนี้ก็เริ่มใช้ต้นทุนเดิมที่มีอยู่ออกมาบริหารจัดการร้านแล้ว เพราะจริงๆ อดทนได้เต็มที่ก็ประมาณ 4 เดือน ยิ่งไม่มีภาครัฐเข้ามาโอบอุ้มเพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็จะยิ่งทำให้มาตรการต่างๆ ที่จะมาช่วยกระตุ้นแทบไม่มีเลย"นางฐนิวรรณกล่าว
สำหรับร้านอาหารมีประมาณ 400,000 แห่ง แบ่งเป็นขนาดกลาง 60,000-70,000 แห่ง และอีก 350,000 แห่ง เป็นกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งการลดการจ้างพนักงานนั้น คาดว่าจะเป็นกลุ่มขนาดกลางที่ประเมินว่าต้องลดการจ้างลงถึง 30% เนื่องจากรายได้จากยอดขายในแต่ละวันต้องนำมาจ่ายค่าแรงลูกจ้างถึง 30% เมื่อการเมือง ยืดเยื้อนานขึ้นทำให้ไม่มีรายได้มาหมุนเวียน
ที่้มา : http://www.khaosod.co.th
