มั่นใจส่งออกไทยขยายตัวได้แม้ไตรมาสแรกติดลบ

สภาผู้ส่งออกมั่นใจสถานการณ์ส่งออกไทยมีโอกาสโตได้ถึง 3% แม้เจอกฎอัยการศึก เหตุเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้น เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค้า แต่การเมืองต้องไม่ยือเยื้อเกินเดือนมิถุนายน

   สภาผู้ส่งออกมั่นใจสถานการณ์ส่งออกไทยมีโอกาสโตได้ถึง 3% แม้เจอกฎอัยการศึก เหตุเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้น เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค้า แต่การเมืองต้องไม่ยือเยื้อเกินเดือนมิถุนายน

    นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เชื่อมั่นว่า แม้ประเทศไทยประกาศใช้กฎอัยการศึกจะไม่ส่งผลต่อศักยภาพการส่งออกสินค้าไทยให้ลดลง แต่แนวโน้มทางการเมืองที่ดีขึ้นจะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มดีขึ้น และมีโอกาสขยายตัวได้มากกว่า 3% แม้ไตรมาสแรกการส่งออกของไทยติดลบ 1% เพราะขณะนี้เศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว กำลังฟื้นอย่างชัดเจน ขณะที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยทีมนักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสภาผู้ส่งออกฯ คาดว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงแตะระดับ 34-36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยให้การส่งออกของไทยทำได้ดียิ่งขึ้น

    อย่างไรก็ตาม การแก้ไขสถานการณ์ทางการเมืองต้องไม่ยืดเยื้อ ควรจะจบลงไม่เกินเดือนมิถุนายนนี้ เพราะหากยืดเยื้อจะกระทบความมั่นใจด้านการค้า การลงทุน และการส่งออก เพราะความไม่แน่นอนจะกลับมาอีกครั้ง จนในที่สุดอาจถูกสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยลง

    ทั้งนี้ สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ปรับนโยบายการทำงานของทูตพาณิชย์ในประเทศต่างๆ เน้นการทำงานเชิงรุก ลักษณะหาข้อมูลเชิงลึกสินค้าแต่ละประเภทของไทยในประเทศนั้นๆ และเป็นผู้นำภาคเอกชนออกไปเจาะตลาดในสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ ปรับวิธีคิดให้เป็นแบบนักธุรกิจ มีเป้าหมาย มีกลยุทธ์ในการเจาะตลาด โดยเฉพาะตลาดอาเซียนและจีน ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกของไทย คิดเป็น 25% และ 11% ตามลำดับ ซึ่งในส่วนของตลาดส่งออกไปจีนยังคงมีอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีนำเข้าอีกมากที่ทูตพาณิชย์จะต้องเข้าไปช่วยแก้ไขอุปสรรคเหล่านี้ เพราะขณะนี้การส่งออกไตรมาสแรกไปอาเซียนและจีนติดลบ โดยอาเซียนส่งออกติดลบ 5% และจีนติดลบ 2% ตามลำดับ

NEWS & TRENDS