หอการค้าเร่งทำแผนเสนอคสช.ฟื้นฟูเศรษฐกิจพัฒนา SMEs ภูมิภาค

หอการค้าไทย เร่งทำแผนเสนอคสช. หวังดันเศรษฐกิจปี 57โต3% เฟ้นโครงการ 2ล้านล้านพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มงบวิจัยและพัฒนา ขณะเลิกเคอร์ฟิว-เลือกตั้งต้องดำเนินการในเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ก่อนนำเข้าหารือ 7องค์กรเอกชนเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันของภาคเอกชนเพื่อส่งให้คสช.ในวันที่ 27พ.ค.



    หอการค้าไทย เร่งทำแผนเสนอคสช. หวังดันเศรษฐกิจปี 57โต3% เฟ้นโครงการ 2ล้านล้านพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มงบวิจัยและพัฒนา ขณะเลิกเคอร์ฟิว-เลือกตั้งต้องดำเนินการในเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ก่อนนำเข้าหารือ 7องค์กรเอกชนเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันของภาคเอกชนเพื่อส่งให้คสช.ในวันที่ 27พ.ค.  

    ด้านหอ 5 ภาค ประสานเสียงหนุนคสช.ลุยงานเศรษฐกิจหลังช่วงที่ผ่านมาเจอพิษการเมืองทำเศรษฐกิจรายภูมิภาคสะดุด นายสมเกียรติ อนุราษฎร์รองประธานกรรมการหอการค้าไทยเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้คณะกรรมการหอการค้าไทยได้ประชุมวาระพิเศษเพื่อพิจารณาแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อนำไปหารือกับที่ประชุม7องค์กรภาคเอกชนในวันที่ 27พฤษภาคม 2557 ก่อนหาข้อสรุปเป็นแผนผลักดันเศรษฐกิจปีนี้เพื่อนำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)พิจารณาต่อไปเบื้องต้นประเมินว่าหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะสามารถมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศได้เร็วๆนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและสามารถทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีในปีนี้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า3%

    ซึ่งประเด็นในการหารือเช่นการเสนอให้ขยายเวลาการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) จาก 7%เป็น 10%ออกไปก่อนจากเดิมที่มีกำหนดปรับเพิ่มขึ้นในตุลาคมนี้,การเสนอให้เดินหน้าการจัดทำเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน,การเสนอแผนการฟื้นความเชื่อมั่นทั้งภาคการลงทุนและการท่องเที่ยว  , การเสนอให้นำโครงการบางส่วนในแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน2ล้านล้านบาท   โดยออกมาดำเนินการก่อนในบางโครงการที่สามารถทำได้, การเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา(อาร์แอนด์ดี)ของประเทศให้มีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า2%ของจีดีพี

    ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวนั้นเบื้องต้นได้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจบันเทิงซึ่งมีสัดส่วนเศรษฐกิจไม่สูงมากจึงเห็นว่าควรจะยกเลิกเมื่อมีสถานการณ์ที่เหมาะสมแล้วจริงๆขณะที่การเลือกตั้งเห็นว่าควรแก้ไขปัญหาภายในประเทศให้แล้วเสร็จก่อนจึงเดินหน้าการเลือกตั้งแม้จะเป็นสิ่งที่ต่างประเทศจับตาดูอยู่ก็ตาม

    หลังการมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มจะให้ภาคการส่งออกมีโอกาสขยายตัวได้ดีแต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้เนื่องจากต้องใช้เวลาในการรับคำสั่งซื้ออีกระยะจึงจะบอกได้ว่าการส่งออกจะขานรับกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไทยหรือไม่อย่างไรแต่เบื้องต้นเชื่อว่าการส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า5% ตามที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายไว้และอาจกลับมามีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง10%ในปีต่อไปขณะที่โรดแมพเศรษฐกิจของคสช.มาถูกทางและน่าจะมีส่วนทำให้เศรษฐกิจปีนี้กลับมาขยายตัวได้ 3%"

    สำหรับท่าทีของต่างประเทศต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยเชื่อว่าจะเป็นที่เข้าใจได้เพราะขณะนี้กำลังเป็นความพยายามแก้ไขปัญหาในบ้านที่เราต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อยก่อนสำหรับผลการประชุมใหญ่หอการค้าภาค5ภาคและการสัมมนาประธานและเลขาธิการหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศประจำปี 2557หรือ “Mid-Term Review”พบว่าเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันชะลอตัวลงทุกภาคอยู่ในระดับต่ำถึงปานกลางเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

    โดยผลสำรวจความเห็นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของหอการค้าจังหวัดพบว่าส่วนใหญ่ 76.72% มองว่าเศรษฐกิจโดยรวมในปัจจุบันแย่19.22%ปานกลางและ4.06%เห็นว่าดี   ส่วนในครึ่งปีหลัง 46.40%เห็นว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น26.43%จะแย่งลง  ที่ผ่านมา สินค้าเกษตร เช่นยางพารา และปาล์มน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากราคาที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องส่วนข้าวหากมีการจ่ายเงินให้ชาวนาก็จะทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบที่จะทำให้เกิดการจับจ่ายมากขึ้นแต่จะเป็นเพียงระยะสั้นส่วนระยะยาวต้องทำอย่างไรให้ราคาข้าวมีเสถียรภาพ
ส่วนข้อเสนอของภาคเหนือประกอบด้วยการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะโครงการ 2 ล้านล้านเพื่อเป็นศูนย์กลางของอาเซียนควรเร่งเปิดด่านเนื่องจากหลายๆด่านมีศักยภาพในการเปิดแต่ควรยกระดับเรื่องของSMEs การสนับสนุนการท่องเที่ยวและให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเรื่องข้าว

    ขณะที่ภาคใต้เสนอให้สร้างเครือข่ายด้านโลจิสติกส์เพื่อส่งเสริมการค้าและการส่งออกให้ดีขึ้นเนื่องจากปัจจุบันต้องส่งผลผลิตขึ้นมาเพื่อป้อนอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคกลางและส่งกลับไปยังภาคใต้ในส่วนของ SMEsต้องการให้ช่วยเรื่องต้นทุนค่าแรงและให้มีการส่งเสริมด้านวัตกรรมการลดใช้แรงงานต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเพื่อให้เศรษฐกิจในภูมิภาคดำเนินการต่อไปโดยเร็วที่สุด

     ด้านภาคกลาง เสนอให้ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ, เพิ่มประสิทธิภาพภาคการผลิต  , ให้ความช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ในด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเสนอให้จัดสรรงบประมาณลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้กับจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการค้าชายแดนเพื่อรองรับการเปิดAEC และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนและภาคตะวันออกขอให้มีการเปิดด่านถาวรและเร่งแก้ปัญหาSMEs

ที่มา : www.thanonline.com

NEWS & TRENDS