สค.รุกเพิ่มการค้าชายแดน ถกหอฯ-ด่านฯเมียวดี เล็งลด 3 อุปสรรค หวังส่งเสริมผู้ประกอบการไทย สร้างพันธมิตรธุรกิจ เผยส่งออกไทยสู่ 4 ประเทศเพื่อนบ้านโตเฉียด 5%
สค.รุกเพิ่มการค้าชายแดน ถกหอฯ-ด่านฯเมียวดี เล็งลด 3 อุปสรรค หวังส่งเสริมผู้ประกอบการไทย สร้างพันธมิตรธุรกิจ เผยส่งออกไทยสู่ 4 ประเทศเพื่อนบ้านโตเฉียด 5%
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเดินทางลงพื้นที่สำรวจการค้าชายแดนไทย-เมียนมาร์ เพื่อผลักดันการค้าชายแดน อันเป็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ว่า ด่านแม่สอด จ.ตาก เป็นด่านศุลกากรถาวรที่มีมูลค่าการส่งออกสูงเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วน55 % ของมูลค่าการส่งออกรวมผ่านด่านทั้งหมดที่มีอยู่ 10 ด่าน
ประกอบกับแม่สอดเป็นเมืองชายแดนที่ตั้งอยู่บนเส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมเวียดนาม-ไทย-เมียนมาร์ จึงมีศักยภาพสูงในการเป็นประตูการค้า ซึ่งที่ผ่านมา พื้นที่ชายแดนอำเภอแม่สอดอยู่ระหว่างการพัฒนาไปสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ แต่ ปัจจุบัน ยังมีความคืบหน้าค่อนข้างช้ามาก โดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์ ซึ่งหากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทุกฝ่ายร่วมกันผลักดัน จะทำให้แม่สอดเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีความพร้อมด้านการค้า การลงทุน ส่งผลให้การค้าชายแดนของไทยสามารถขยายตัวได้มากยิ่งขึ้น
“จากการสำรวจย่านการค้า คลังสินค้า และสวนอุตสาหกรรม รวมทั้งหารือกับผู้บริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ เมียวดี นายด่านศุลกากร พาณิชย์จังหวัดตาก ประธานหอการค้าจังหวัดตากพบว่า กรมฯจะเร่งประสาน 3 เรื่อง ได้แก่ ผลักดันการจัดตั้งวันสต็อปเซอร์วิสในฝั่งไทย , การจัดอบรมหลักสูตรการค้าชายแดน และการสนับสนุนเร่งสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ แห่งที่ 2 เพื่อขยายการค้าการลงทุนทั้งสองฝ่าย” นางนันทวัลย์ กล่าว
นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน การส่งออกชายแดนไทย-เมียนมาร์ผ่านด่านศุลกากรแม่สอด มีช่องทางที่เป็นช่องทางทางการเพียงช่องทางเดียว คือ ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ แห่งที่ 1 ซึ่งเป็นสะพานขนาดเล็กมีสภาพทรุดโทรมและแออัดมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการชายแดนต้องหาทางออกด้วยการจัดตั้งคลังสินค้าชั่วคราวและท่าข้ามริมแม่น้ำเมย และขนส่งสินค้าทางเรือแทน ปัจจุบันคลังสินค้าชั่วคราวดังกล่าวมีกว่า 22 แห่ง ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาชั่วคราว แต่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและเร่งด่วน เพื่อส่งเสริมให้การค้าชายแดนสามารถขยายตัวได้ คือ การเร่งสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ แห่งที่ 2 ที่จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาและรองรับการขยายตัวของการค้าชายแดนได้
อย่างไรก็ตาม หอการค้าฯได้เสนอแนะลู่ทางเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้าการลงทุน โดยภาคเอกชนเห็นว่า หากภาครัฐสามารถเร่งดำเนินการได้ จะช่วยเพิ่มมูลการค้าชายแดนและการส่งออกให้ขยายตัวได้อย่างสูง อาทิ การดำเนินการสำรวจ/ออกแบบ พื้นที่เขตเศรษฐกิจชายแดนแม่สอด เร่งก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนม่าร์ แห่งที่ 2 พร้อมถนนเชื่อมโยง เร่งจัดตั้งคณะกรรมการเขตการค้าการลงทุนร่วมระหว่างแม่สอด-เมียวดี และเร่งสำรวจ/ออกแบบ/ก่อสร้างถนนเจาะอุโมงค์สาย ตาก-แม่สอด ซึ่งเป็นเส้นทางเก่ามีความลาดชันและเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ทั้งนี้ การค้าชายแดนไทย-เมียนมาร์ มีมูลค่าการค้าสูงเป็นอันดับ 2 ของการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 4 ประเทศ และมีสัดส่วนสูงกว่า 80% ของการค้าระหว่างประเทศของไทยกับเมียนม่าร์ กรมฯจึงให้ความสำคัญกับการผลักดันให้การค้าชายแดนสามารถขยายตัวได้เพิ่มขึ้น ซึ่งการลงพื้นที่สำรวจทำให้ได้รับทราบปัญหาอุปสรรคสำคัญต่างๆ กรมฯพร้อมที่จะผลักดันการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
การค้าชายแดนระหว่างประเทศของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 4 ประเทศ โดยการค้าชายแดนไทยกับมาเลเซียนมีมูลค่าสูงที่สุด ตามด้วยเมียนมาร์ ลาวและกัมพูชาตามลำดับ โดยสินค้าหลักได้แก่ มาเลเซีย ยางพารา อุปกรณ์และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ , เมียนม่าร์ คือ น้ำมันดีเซล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลาว น้ำมันดีเซล และรถยนต์และอุปกรณ์รถยนต์ ส่วนกัมพูชา เครื่องยนต์สันดาป และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ โดยการค้าในช่วง 3 เดือนแรก(ม.ค.-มี.ค.)ปีนี้ 4 ประเทศข้างต้นมีมูลค่า 151,021 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% ขณะที่การนำเข้า 90,800 ล้านบาท ลดลง 0.5%