​กสอ. ชู 4 มาตรการดันลำปางฮับเซรามิกอาเซียน

กสอ. เร่งพัฒนาเซรมิกไทย วางเป้าดันลำปางเป็นศูนย์กลางเซรามิกแห่งอาเซียน เหตุเป็นแหล่งค้าขายใหญ่สุดในประเทศ

กสอ. เร่งพัฒนาเซรมิกไทย วางเป้าดันลำปางเป็นศูนย์กลางเซรามิกแห่งอาเซียน เหตุเป็นแหล่งค้าขายใหญ่สุดในประเทศ

    ดร.อรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิกไทย โดยวางเป้าหมายให้จังหวัดลำปางเป็นศูนย์กลางเซรามิกแห่งอาเซียน เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซรามิกแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ทั้งยังเป็นแหล่งวัตถุดิบประเภทดินขาว และดินดำเป็นจำนวนมาก       ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมเซรามิก รวมทั้ง ยังเป็นแหล่งหัตถอุตสาหกรรมคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย 

    นอกจากนี้ ยังมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม สามารถเชื่อมโยงการขนส่งในภาคเหนือ ภาคกลาง และ     อินโดจีนได้สะดวก  ทั้งนี้ ในปี 2557 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และจังหวัดลำปาง ร่วมกันผลักดันการพัฒนาเมืองลำปางให้เป็นแหล่งเซรามิกอาเซียนอย่างครบวงจร  พร้อมมุ่งยกระดับให้จังหวัดลำปางเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศ  โดยวางนโยบายให้เป็น “นครแห่งการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นแหล่งผลิตเซรามิกและสินค้าหัตถอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ ควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยว” ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดลำปางด้วยเซรามิก โดยมีแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิก  4  ด้าน ได้แก่

    1.    การส่งเสริมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการออกแบบ มุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึง รักษาระดับคุณภาพของสินค้าให้เป็นที่ยอมรับทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์  และการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคแต่ละตลาด ซึ่งหากผู้ประกอบการมีความเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของแต่ละตลาดแล้ว ก็จะช่วยให้สินค้ามีศักยภาพการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น
 
    2.      การแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ โดยการสร้างเครือข่ายการตลาด ซึ่งปัจจุบันมีการก่อตั้งกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเซรามิก เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มช่องทางตลาดใหม่ให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และลดการพึ่งพิง ตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักดั้งเดิม เพราะเมื่อประเทศกลุ่มนี้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มักจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยด้วยเช่นกัน โดยตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโต ได้แก่ จีน อินเดีย และอาเซียน
 
    3.     การพัฒนาตราสินค้า ผู้ประกอบการอุตสหากรรมเซรามิกไทย ส่วนใหญ่เป็นลักษณะ OEM ทำให้การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์มีน้อย หากไทยสามารถพัฒนาตราสินค้าเป็นของตนเองได้จะสามารถสร้างความแตกต่างให้กับตัวผลิตภัณฑ์และคู่แข่ง และหากสามารถพัฒนาตราสินค้าให้แข็งแกร่งขึ้น ก็จะเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และสามารถสร้างอำนาจการต่อรองทางด้านราคาได้อีกด้วย
 
    4.      การพัฒนาบุคลากร เพื่อเตรียมรับมือเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยพัฒนาแรงงานให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค  สามารถสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างการออกแบบและการผลิต มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เท่าทันต่อความต้องการของตลาด  ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ได้

 

NEWS & TRENDS