กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมผนึกพลังชนาพัฒน์ สร้างสรรค์โครงการการประยุกต์ใช้แนวโน้มแฟชั่น (Fashion Trend) และโครงการพัฒนานักออกแบบ (Star Fashion Search) เปิดวิสัยทัศน์และเสริมโอกาสการดำเนินธุรกิจ หวังยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมผนึกพลังชนาพัฒน์ สร้างสรรค์โครงการการประยุกต์ใช้แนวโน้มแฟชั่น (Fashion Trend) และโครงการพัฒนานักออกแบบ (Star Fashion Search) เปิดวิสัยทัศน์และเสริมโอกาสการดำเนินธุรกิจ หวังยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง อธิบดี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงว่า ด้วยภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในแต่ละปี หากอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยไม่ได้รับการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแล้วอาจส่งผลให้มีอัตราการเติบโตที่ถดถอยได้
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องสร้างความแตกต่างพลิกบทบาท จากการเป็นผู้รับจ้างผลิต ไปสู่การเป็นผู้ออกแบบสินค้าภายใต้ตราสินค้าของตนเอง มุ่งเจาะเข้าหากลุ่มเป้าหมายระดับกลาง และระดับสูง เพื่อยกระดับมาตรฐานให้ชัดเจนในระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไปในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยประกอบด้วยอุตสาหกรรม 3 สาขาหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่นจำนวนกว่า 16,000 ราย มีการจ้างงานกว่า 1.7 ล้านคน มีมูลค่าการส่งออกกว่า 665,090 ล้านบาท ต่อปี
กลไกหนึ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่น ได้แก่ นักออกแบบและเจ้าของกิจการ เนื่องจาก นักออกแบบจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของสินค้าให้มีความหลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ในขณะที่เจ้าของกิจการจะเป็นผู้กำหนดทิศทางในการดำเนินธุรกิจว่าจะเน้นเจาะตลาดในกลุ่มใด
ดังนั้น ทั้งนักออกแบบและเจ้าของกิจการจะต้องแปลงแนวคิดสู่การออกแบบเพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาส ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกลยุทธ์ในการนำไปสู่ความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นภารกิจหลักของกรมส่งเสริม อุตสาหกรรมที่ต้องยื่นมือเข้าช่วย
โดยในปีนี้เราได้ร่วมกับชนาพัฒน์ เพื่อส่งเสริมศักยภาพนักออกแบบและ พัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทยภายใต้ชื่อ โครงการการประยุกต์ใช้แนวโน้ม แฟชั่น (Fashion Trend) และ โครงการพัฒนานักออกแบบ (Star Fashion Search) เพื่อสร้างให้เกิดการพัฒนาเป็นกลไกธุรกิจอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก โดยโครงการทั้ง 2 นี้ ได้เริ่มดำเนินการแล้ว และจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน ศกนี้ รวมทั้งสิ้น 3 เดือน