กระทรวงอุตฯเผย ยอดตั้งโรงงานใหม่ฟื้น 7 เดือน เงินลงทุนพุ่ง 2.1 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 8.16% จ้างงานใหม่กว่า 6 หมื่นคนเพิ่มขึ้น 10.02%
กระทรวงอุตฯเผย ยอดตั้งโรงงานใหม่ฟื้น 7 เดือน เงินลงทุนพุ่ง 2.1 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 8.16% จ้างงานใหม่กว่า 6 หมื่นคนเพิ่มขึ้น 10.02%
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในรอบ 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) สามารถออกใบอนุญาต รง.4 ให้ผู้ประกอบการได้รวม 2,185 โรงงาน ลดลง 6.58% มูลค่าการลงทุน 210,424.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.16% เกิดการจ้างงานใหม่รวม 60,198 คน เพิ่มขึ้น 10.02%
“หลังจากการเมืองมีความมั่นคง มีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และการตั้งรัฐบาลรัฐบาลใหม่ ตามโรดแมพที่วางไว้ ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น คาดว่าในครึ่งปีหลัง ยอดคำขอตั้งโรงงานจะเพิ่มขึ้นมากว่าในช่วงครึ่งปีแรกอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากยอดการออกใบอนุญาต รง.4 ในเดือน มิ.ย. และก.ค.ที่ผ่านมา มีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ยอดการลงทุนในช่วง 6 เดือนที่เหลือจะมีความสดใส” นายวิฑูรย์ กล่าว
หลังกระทรวงอุตสาหกรรมปรับขั้นตอนการออกใบ รง.4 ภายใน 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. นั้นมีจำนวนคำขอที่ยื่นขออนุญาต รง.4 ผ่านหน่วยงานอนุญาตของกระทรวงอุตสาหกรรม รวม 241 คำขอ เป็นส่วนที่อยู่ในอำนาจอนุญาตของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) จำนวน 92 คำขอ คิดเป็น 38 %ของจำนวนที่ยื่นคำขอทั้งหมด โดยดำเนินการอนุญาตแล้วเสร็จ 59 คำขอ และอยู่ระหว่างดำเนินการ 33 คำขอ
ส่วนที่อยู่ในอำนาจของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) มีจำนวน 149 คำขอ คิดเป็น 62 %ของจำนวนที่ยื่นคำขอทั้งหมด โดยดำเนินการอนุญาตแล้วเสร็จ 99 คำขอ อยู่ระหว่างดำเนินการ 50 คำขอ ทั้งนี้คำขอทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการพิจารณายังอยู่ในกรอบระยะเวลา 30 วัน
การพิจารณาอนุญาตโรงงานในกรอบใหม่ 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค.มีผู้ประกอบการยื่นคำขอ 241 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 43,518 ล้านบาท และทำให้เกิดการจ้างงาน 15,926 คน พิจารณาออกใบอนุญาต รง.4 เสร็จแล้ว 158 คำขอ คิดเป็น 66 %ของคำขอทั้งหมด และอยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาอนุญาต 83 คำขอ
ในวันที่ 18 ส.ค.นี้ ตนจะนำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ไปร่วมประชุมร่วมกับนายสุพันธุ์ สุธีมงคล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และผู้บริหารส.อ.ท.เรื่องการทำงานร่วมกันของ 4 คณะกรรมการที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดตั้งขึ้นมา เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
