กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) จับมือ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (BTMU) จัดงาน MUFG Business Matching Fair in Bangkok ผลักดันผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสู่ญี่ปุ่น เปิดการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการจากญี่ปุ่น และไทย รวมกันราว 120 บริษัท
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) จับมือ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (BTMU) จัดงาน MUFG Business Matching Fair in Bangkok ผลักดันผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสู่ญี่ปุ่น เปิดการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการจากญี่ปุ่น และไทย รวมกันราว 120 บริษัท
นายโนริอากิ โกโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบทบาทของธนาคารจะไม่ใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนทางการเงินเท่านั้น แต่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับลูกค้า และพร้อมสนับสนุนให้ลูกค้าได้ขยายโอกาสทางธุรกิจสู่สากล
โดยผ่านกิจกรรม Business Matching และเครือข่ายของ BTMU ที่มีอยู่ทั่วโลก ที่พร้อมประสานให้เกิดการจับคู่ธุรกิจกับต่างประเทศ และงาน Business Matching ครั้งนี้เป็นผลมาจากการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างกรุงศรี และ BTMU
โดยกรุงศรีได้เชิญผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของธนาคาร ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ของใช้ภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า มาร่วมเจรจาธุรกิจกับบริษัทชั้นนำจากญี่ปุ่น
เพื่อสร้างโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้าไปสู่ตลาดญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน BTMU ได้เชิญผู้ประกอบการในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า มาพบกับนักธุรกิจของไทย
“เราคาดว่าผลจากการงาน Business Matching ครั้งนี้ จะทำให้เกิดโอกาสในการจับคู่ธุรกิจร่วมกันระหว่างผู้ประกอบไทย และญี่ปุ่น กว่า 250 ธุรกิจ (Matching) รวมถึงเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยได้เรียนรู้แนวทางการบริหารงานที่ประสบความสำเร็จจากคู่ค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำจากญี่ปุ่น เพื่อนำมาปรับใช้ในการเตรียมความพร้อมเพื่อขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง คือลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา ในอนาคตต่อไป” นายโกโตะ กล่าว
ข้อมูลจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ระบุว่า ปัจจุบันไทยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอยู่ราว 2.7 ล้านรายทั่วประเทศ และสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 1.76 ล้านล้านบาทต่อปี
ขณะที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศอันดับหนึ่งที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยส่งสินค้าออกไปขายมากที่สุด อยู่ที่ประมาณ 10.52% ของยอดการส่งออก ในธุรกิจเอสเอ็มอี นั่นสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการไทยอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ และยังคงมีโอกาสที่สูงมากในการที่ต่างชาติจะเปิดรับสินค้าจาก ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย