ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล "สุดยอด SMEs แห่งชาติ" ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2558 น่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้แน่นอน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล "สุดยอด SMEs แห่งชาติ" ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2558 น่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้แน่นอน ซึ่งทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างหารือเพื่อกำหนดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในสัปดาห์หน้าก่อนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงอย่างเป็นทางการ โดยยืนยันมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ยืนอยู่บนหลักการที่ทำให้เกิดการจ้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประชาชน
ทั้งนี้ โดยเฉพาะการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เป็นวาระแห่งชาติ ในส่วนของรัฐบาลจะไม่ออกกฎเกณฑ์ระเบียบข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ แต่จะส่งเสริมให้เอสเอ็มอีมีเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยการระดมทุนผ่านตลาดทุนมากขึ้น และหาแนวทางดึงกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) ของ สสว. เข้ามามีบทบาทในการร่วมลงทุนกับเอสเอ็มอี ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียนและมีสภาพคล่องมากขึ้น
น.ส.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า สสว.จะปรับนิยามเอสเอ็มอีให้มีความชัดเจน อาทิ การกำหนดให้เอสเอ็มอีมีแรงงานขั้นต่ำ 50 คนนั้นอาจไม่เหมาะสม เพราะกิจการบางประเภทมีรายได้สูงถึง 1 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้จะให้นิยามเอสเอ็มอีครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อีกทั้งจะเร่งส่งเสริมให้เอสเอ็มอีนอกระบบมาขึ้นทะเบียนเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสสว.ได้สะดวกยิ่งขึ้น
“เตรียมหาแนวทางช่วยเหลือ ในรูปแบบของกองทุนร่วมลงทุนที่ปัจจุบันมีงบประมาณเหลืออยู่ราว 1,700 ล้านบาท โดยการนำเงินจากกองทุนมาสนับสนุนการลงทุนของเอสเอ็มอี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อกำหนดแนวทางเพิ่มทุน “