แท็กซี่ขู่สตาร์ทมิเตอร์50บ. แลกหมัดรัฐปล่อยราคาเอ็นจีวี

แท็กซี่ขู่สตาร์ทมิเตอร์ 50 บาท หากปตท.เดินหน้าขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี 6 บาท เหตุกระทบต้นทุนเชื้อเพลิงพุ่ง 70% อัดรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ตรงจุดหลังกบง.เคาะขยายวงเงินบัตรเครดิตพลังงาน เป็น9,000 บาท

       แท็กซี่ขู่สตาร์ทมิเตอร์ 50 บาท หากปตท.เดินหน้าขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี 6 บาท เหตุกระทบต้นทุนเชื้อเพลิงพุ่ง 70% อัดรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ตรงจุดหลังกบง.เคาะขยายวงเงินบัตรเครดิตพลังงาน เป็น9,000 บาท

       นายวิฑูรย์ แนวพาณิช ประธานชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าหากปตท.ขยับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี)ขึ้นในปี2555 เดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม(กก.)จนครบ 6 บาทต่อกก. และทำให้ราคาขายปลีกอยู่ 14.50 บาทต่อกก. คาดว่าจะส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงของแท็กซี่สูงขึ้น 70% จำเป็นต้องเรียกร้องขอปรับค่ามิเตอร์จาก 35 บาท เป็น 50 บาทด้วยแต่หากปตท.ปรับราคาก๊าซฯแค่ 2 บาทต่อกก. ก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นค่าแท็กซี่

       ส่วนมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่เห็นชอบให้ขยายวงเงินส่วนลดในบัตรเครดิตพลังงานจาก 6,000 บาท เป็น 9,000 บาทเพื่อช่วยเหลือแท็กซี่ รถสาธารณะต่างๆ ถือว่าไม่ถูกจุด เพราะสิ่งที่ผู้ประกอบการเรียกร้องคือไม่ให้ปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี อีกทั้งแท็กซี่จำนวนมากไม่สามารถเข้าระบบสมัครบัตรเครดิตพลังงานก็ เพราะติดปัญหาไม่มีใบขับขี่สาธารณะ ซึ่งการขอใบอนุญาตจากกรมขนส่งทางบกต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน เพราะต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมก่อน

       หากรัฐบาลจะเดินหน้าปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีก็ควรหารือกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน แท็กซี่ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นตัวกลางในการตัดสินเพื่อให้แท็กซี่ได้ปรับราคาขึ้นด้วย ขณะที่เปิดตัวบัตรเครดิตพลังงานในวันที่ 15 ธันวาคมนั้นยอมรับไม่ทราบเรื่องและรัฐบาลไม่เคยแจงรายละเอียดรวมถึงเชิญชวนให้แท็กซี่ไปร่วมงานเลย

       ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่าที่ประชุมกบง.เห็นชอบให้ขยายวงเงินบัตรเครดิตพลังงานเป็น 9,000 บาท จากเดิม 6,000 บาท ตามที่ผู้ประกอบการแท็กซี่เรียกร้อง

       นอกจากนี้จะประสานกับกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมให้ช่วยออกใบขับขี่สาธารณะให้คนขับแท็กซี่ที่ยังไม่มีใบขับขี่ ส่วนการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งการขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะดำเนินการได้หรือไม่

ที่มา : แนวหน้า

NEWS & TRENDS