สสว. ร่วมกับ GET องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง สมาคมการค้าไทย-ฮ่องกง สนับสนุน SMEs ไทย กลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน ของขวัญและของที่ระลึก และงานหัตถกรรม ขยายตลาดต่างประเทศ ด้วยกิจกรรมประกวดวีดิทัศน์ (THAI AIM) มุ่งเป็นสื่อเปิดตัวสินค้าไทยสู่กลุ่มผู้ซื้อเกือบ 80,000 ราย จากทั่วโลก ผ..
สสว. ร่วมกับ GET องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง สมาคมการค้าไทย-ฮ่องกง สนับสนุน SMEs ไทย กลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน ของขวัญและของที่ระลึก และงานหัตถกรรม ขยายตลาดต่างประเทศ ด้วยกิจกรรมประกวดวีดิทัศน์ (THAI AIM) มุ่งเป็นสื่อเปิดตัวสินค้าไทยสู่กลุ่มผู้ซื้อเกือบ 80,000 ราย จากทั่วโลก ผ่านงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของฮ่องกง Hong Kong Houseware Fair และ Hong Kong Gifts & Premium Fair ปลายเดือน เม.ย.2558 เชื่อมั่นเป็นมิติใหม่ทางการตลาดที่จะช่วยให้ SMEs ไทย ส่งออกสินค้าได้มากยิ่งขึ้น
นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้ร่วมกับ Global Entrepreneurship Thailand (GET) องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) และสมาคมการค้าไทย-ฮ่องกง (THTA) ดำเนินโครงการผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ตลาดนานาชาติ (Thai Access to International Market Competition :THAI AIM) ขึ้น โดยมีจุดหมุ่งหมายเพื่อปลูกฝังความเป็นผู้ประกอบการในประเทศไทยและการส่งเสริมสินค้าไทย ด้วยการกระตุ้นผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถขยายตลาดสินค้างานสร้างสรรค์สู่นานาชาติ
“ในฐานะที่ สสว. เป็นผู้กำหนดนโยบายและเป็นศูนย์กลางประสานระบบการทำงานเพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริม SME ของประเทศซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 2.76 ล้านราย จำนวนนี้เป็นวิสาหกิจขนาดเล็กร้อยละ 99.52 และขนาดกลางร้อยละ 0.48 ภารกิจสำคัญของ สสว. คือการพัฒนาและยกระดับให้ผู้ประกอบการทุกกลุ่มสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง เติบโตจากขนาดเล็กเป็นขนาดกลาง และขนาดกลางเป็นขนาดใหญ่ สามารถเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งให้เกิดแนวคิดในการทำธุรกิจใหม่ๆ ที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเต็มไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งยกระดับให้ SMEs ไทยเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy)” รก.ผอ.สสว. กล่าว
โครงการ THAI AIM เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางโทรศัพท์มือถือและโซเชียลมีเดีย ในรูปแบบของการประกวดวีดิทัศน์ผลงานสร้างสรรค์เกี่ยวกับสินค้าของผู้ประกอบการ SMEs ไทย โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน ของขวัญและของที่ระลึก และงานหัตถกรรม ซึ่งผู้ประกอบการสามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวด โดยการอัพโหลดวีดิโอแนะนำสินค้าของตนเองผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานสู่สาธารณชนผ่าน Facebook รวมทั้งเปิดให้มีการโหวตผลงานที่ชื่นชอบผ่านช่องทางดังกล่าว โดยจะเปิดรับสมัครผลงานตั้งแต่บัดนี้-เดือนธันวาคม 2557
สำหรับผลงานที่ได้รับการโหวตมากที่สุด 30 อันดับแรก จะเข้ารอบให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คัดกรองผลงานที่ดีที่สุด 10 อันดับแรก ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ซึ่งจะได้รับการอบรมความรู้เรื่องการสร้างแบรนด์และการตลาดออนไลน์ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมงานแสดงสินค้าใน Small Order Zone ซึ่งเป็นโซลูชั่นการตลาดแบบ B2B Online-to-Offline ที่รวมการแสดงสินค้าในงานและช่องทางการทำการค้าแบบออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน โดยจะจัดอยู่ในงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน (Hong Kong Houseware Fair) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซีย และงานของขวัญและของที่ระลึก (Hong Kong Gifts & Premium Fair) ที่จัดขึ้นโดย HKTDC ณ ประเทศฮ่องกง ในช่วงปลายเดือนเมษายน 2558
การร่วมดำเนินโครงการดังกล่าวนี้ สสว. ได้ให้การสนับสนุนทุนสำหรับรางวัล Small Order Zone จำนวน 7 รางวัล (จากจำนวน 10 รางวัล) รวมถึงประชาสัมพันธ์โครงการแก่เครือข่าย SMEs และเปิดโอกาสให้ผู้ชนะรางวัล ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์แก่สาธารณชนผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดโดย สสว. ซึ่งการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า 2 งานใหญ่ดังกล่าว จะช่วยให้สินค้าของ SMEs ไทย ได้เผยแพร่สู่สายตาผู้ซื้อจากทั่วโลกมากกว่า 80,000 ราย ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ในการสร้างโอกาสทางการตลาด เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถส่งแต่สินค้าไปร่วมแสดงงานโดยไม่ต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง และรอรับการติดต่อจากผู้ซื้อที่เข้าชมงานจากทั่วโลกได้ทุกๆ วันผ่านระบบอีเมลล์
สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการติดต่อจากผู้เข้าชมงานมากที่สุดใน 3 ลำดับแรก จะได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการแข่งขัน และได้รับเชิญให้เป็น Global Entrepreneurship Thailand Ambassadors (GET Ambassadors) ซึ่งจะได้รับโอกาสในการถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ได้รับจากโครงการ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่ สสว. จัดขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าการแข่งขัน THAI AIM จะเป็นช่องทางที่ช่วยให้ SMEs ไทย ได้พัฒนาศักยภาพตัวเองและขยายโอกาสทางการตลาดผ่านวิธีการทำตลาดในรูปแบบใหม่ ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และผู้ประกอบการสามารถรับคำสั่งซื้อได้ในปริมาณที่สอดคล้องกับความสามารถในการผลิต ซึ่งจะช่วยให้ SMEs ไทยส่งออกสินค้ามากยิ่งขึ้น ขยายตลาดได้ทั้งในกลุ่มอาเซียนและทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพ