​กสอ. จับมือเมืองคาวาซากิพัฒนา SMEs ทั้ง 2 ประเทศ

นายปราโมทย์ วิทยาสุขผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ลงนามความร่วมมือกับเมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม SMEsของทั้ง2 ประเทศ ผ่านกรอบของความร่วมมือที่มีเนื้อหาสรุปได้ดังนี้


 
               นายปราโมทย์ วิทยาสุขผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ลงนามความร่วมมือกับเมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม SMEsของทั้ง2 ประเทศ ผ่านกรอบของความร่วมมือที่มีเนื้อหาสรุปได้ ดังนี้

    1. เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กับ เมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่นเพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ SMEs จากนายกเทศมนตรีเมืองคาวาซากิ และประเทศไทย

    2. สนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมใน เมืองคาวาซากิและประเทศไทยในการขยายธุรกิจในระดับสากล

    3. ดำเนินกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศให้มีความใกล้ชิด อาทิ การจัดโครงการแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรม การส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกัน หรือ“Otagai” Business Concept การจัดสัมมนาการจัดนิทรรศการและการประชุมทางธุรกิจ

            สำหรับเมืองคาวาซากิ เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 9 ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางของพื้นที่อุตสาหกรรมเคฮิน (พื้นที่อุตสาหกรรมตามแนวโตเกียว คาวาซากิและโยโกฮามา)ที่ประกอบด้วยอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท อาทิ เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและเคมีภัณฑ์และเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำระดับโลกเป็นจำนวนมาก อาทิ ฮิตาชิ โตชิบา แคนอน และฟูจิซึเป็นต้น 

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เมืองคาวาซากิ จะเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีจำนวนโรงงานกว่า 100 โรงงาน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกับประชาชนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นมิตร จนได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้เป็นเมืองนิเวศ หรือ อีโคทาวน์ (ECO Town) เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ 

    ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยเพื่อรองรับและตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มประเทศอาเซียนและอาเซียน+3 ที่นำเข้าสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมจำพวกเครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์จากไทย ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออก 1 ใน 10 อันดับแรกที่มีความสำคัญของไทยได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และพม่า เป็นต้น 
    โดยผ่านการใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมารวมกันเพื่อพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่กัน ผ่านการเชื่อมโยงคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเพื่อความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หรือที่เรียกว่า “Otagai Business Concept”ซึ่งเป็นแนวคิดในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการผลิตระดับเครือข่ายวิสาหกิจระหว่างผู้ประกอบการ SMEs เมืองคาวาซากิ และประเทศไทยเมื่อเผชิญปัญหาเพื่อรับมือความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบให้เกิดการติดขัดหรือหยุดชะงักได้ซึ่งส่งผลให้ไทยมีเครือข่ายวิสาหกิจช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสถานการณ์เร่งด่วน นอกจากการร่วมลงนามกับเมืองคาวาซากิครั้งนี้ยังเป็นการรักษาและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนในไทยจากความเข้มแข็งของวิสาหกิจไทยมากขึ้น

            นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีโต๊ะญี่ปุ่นซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการดำเนินงานด้านการลงทุนในการส่งเสริมและพัฒนา SMEsให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐกับรัฐ และในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับการติดต่อจากหลายจังหวัดในประเทศคือจังหวัดไซตามะ จังหวัดอาคิตะ จังหวัดยามานาชิ จังหวัดโทโทริ จังหวัดชิมาเน่และจังหวัดไอจิ เพื่อสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมร่วมกัน ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย. ปี 2557 ที่ผ่านมา มีบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทย คิดเป็นมูลค่ากว่า 109,000 ล้านบาท(ข้อมูลจาก สำนักความร่วมมือการลงทุนต่างประเทศ) และคาดว่าภายในสิ้นปี 2557จะมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 1.5แสนล้านบาท 

    อย่างไรก็ตามกระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับเมืองคาวาซากิประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรัฐบาลท้องถิ่นลำดับที่7 ที่ร่วมลงนามกับกระทรวงอุตสาหกรรม  เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมร่วมกัน 

                สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์ธุรกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) สามารถสอบถามได้ที่ โทร. 0 2202 4426-7

NEWS & TRENDS