กสอ. จับมือจังหวัดฟุกุอิประเทศญี่ปุ่น เตรียมความพร้อม SMEs ของทั้ง 2 ประเทศ ผ่าน 3 กรอบความร่วมมือ คาดความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้ประกอบการประเทศญี่ปุ่นจะขยายฐานการผลิตในประเทศไทย และเกิดการจ้างงานในประเทศไทยมากขึ้น
กสอ. จับมือจังหวัดฟุกุอิประเทศญี่ปุ่น เตรียมความพร้อม SMEs ของทั้ง 2 ประเทศ ผ่าน 3 กรอบความร่วมมือ คาดความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้ประกอบการประเทศญี่ปุ่นจะขยายฐานการผลิตในประเทศไทย และเกิดการจ้างงานในประเทศไทยมากขึ้น
นายปราโมทย์ วิทยาสุขผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ร่วมมือกับจังหวัดฟุกุอิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม SMEs ของทั้ง 2 ประเทศ ผ่านกรอบของความร่วมมือใน 3 ประเด็น ดังนี้
1. เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กับ จังหวัดฟุกุอิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่าง ผู้ประกอบการ SMEs จากรัฐบาลท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย
2. กระทรวงอุตสาหกรรมกับจังหวัดฟุกุอิประเทศญี่ปุ่นจะมีการร่วมมือเพื่อการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมในฟุกุอิและประเทศไทยในการขยายธุรกิจในระดับสากล
3. การแลกเปลี่ยนข้อมูลและดำเนินกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายให้มีความใกล้ชิดกัน
ทั้งนี้ แม้ว่าจังหวัดฟุกุอิจะเป็นจังหวัดเล็กๆ ในประเทศญี่ปุ่นแต่ก็มีความโดดเด่นในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมอาทิ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ อุตสาหกรรมเครื่องจักรโดยเฉพาะเครื่องจักรที่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งทอที่มีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนอุตสาหกรรมการผลิตกรอบแว่นตาก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ซึ่งสามารถผลิตกรอบแว่นตาคุณภาพดี ยืดหยุ่น น้ำหนักเบา และทนทานคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 90 ของการผลิตกรอบแว่นตาทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม การลงนามความร่วมมือกับจังหวัดฟุกุอิ ถือเป็นรัฐบาลท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น ลำดับที่ 8 ที่ได้มีการลงนามความร่วมมือ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
โดยการใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมารวมกันเพื่อการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่กันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเชื่อมโยงคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเพื่อความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันหรือที่เรียกว่า “Otagai Business Concept”ซึ่งเป็นแนวคิดในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการผลิตในระดับเครือข่ายวิสาหกิจระหว่างผู้ประกอบการ SMEs จังหวัดฟุกุอิและประเทศไทยเมื่อเผชิญปัญหาเพื่อรับมือความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นและมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบให้เกิดการติดขัดหรือหยุดชะงักได้ซึ่งจะส่งผลให้ไทยมีเครือข่ายวิสาหกิจช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสถานการณ์เร่งด่วนด้วย
ปัจจุบันกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้มีโต๊ะญี่ปุ่นซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการดำเนินงานด้านการลงทุนในการส่งเสริมและพัฒนา SMEsให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐกับรัฐ และในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับการติดต่อจากหลายจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ จังหวัดชิมาเน่ จังหวัดไอจิ จังหวัดไซตามะ จังหวัดยามานะชิ จังหวัดอะคิตะ จังหวัดโทโทริ และเมืองคาวาซากิ เพื่อสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมร่วมกัน
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็มีนโยบายสนับสนุนให้ SMEs ของตนมีการย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศมากขึ้น เพื่อป้องกันการปิดตัวลงของ SMEs ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมักประสบปัญหาในการผลิต อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ ตลาดที่หดตัวลงและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในด้านการค้าและการลงทุนกับประเทศไทยนั้น บริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นเลือกลงทุนในไทยเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศ AEC เนื่องจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนมีความพร้อมทั้งการเชื่อมโยงไปสู่อาเซียนซึ่งในขณะนี้มีบริษัทของจังหวัดฟุกุอิได้ลงทุนในประเทศไทยแล้วจำนวน 20 บริษัท โดยเป็นจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 11 โรงงานคิดเป็นจำนวนเงินลงทุนประมาณ 7 พันล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นประเภทอุตสาหกรรมสิ่งทอมากที่สุด
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้มีการจัดตั้งสำนักงานเดอะฟุกุอิแบงค์ ลิมิเต็ด(The Fukui bank Limited) เป็นผู้แทนประสานงานระหว่างภาครัฐบาลและเอกชนของจังหวัดฟุกุอิกับหน่วยงานในประเทศไทยลักษณะเป็นศูนย์ให้การสนับสนุน (Support Center) ด้านการค้าการลงทุนโดยมีสำนักงานอยู่ ณ อาคาร แอทธินีทาวเวอร์ และได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2557 ทั้งนี้ ในปี 2557 มีบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยกว่า 300 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 109,000 ล้านบาท (ข้อมูล : สำนักความร่วมมือการลงทุนต่างประเทศ) และคาดว่าภายในสิ้นปี 2557 จะมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท