​อนุมัติงบ 360 ล้านหนุน SMEs 18 กลุ่มจังหวัดนับหมื่นราย

“สสว.” อนุมัติงบ 360 ล้าน ส่งเสริมเอสเอ็มอีใน 18 กลุ่มจัดงหวัด 54 เครือข่ายนับหมื่นราย พร้อมประเมินสถานการณ์เอสเอ็มอีฟื้นตัว หลังพบยอดส่งออกเพิ่มขึ้น คาดจีดีพีเอสเอ็มอีปีนี้โต 0.5%



“สสว.” อนุมัติงบ 360 ล้าน ส่งเสริมเอสเอ็มอีใน 18 กลุ่มจัดงหวัด 54 เครือข่ายนับหมื่นราย พร้อมประเมินสถานการณ์เอสเอ็มอีฟื้นตัว หลังพบยอดส่งออกเพิ่มขึ้น คาดจีดีพีเอสเอ็มอีปีนี้โต 0.5% 


    น.ส.วิมลกานต์ โกสุมาศ รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ “เอสเอ็มอีบอร์ด” ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เป็นประธานเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมฯมีมติรับทราบสถานการณ์ของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในประเทศไทยว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นภายหลังได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและตลาดในภูมิภาคเอเชียบางประเทศ รวมทั้งความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและประชาชนที่ปรับตัวดีขึ้นโดยคาดว่าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของเอสเอ็มอีในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.5% เนื่องจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ส่งออกสามารถส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นได้ โดยข้อมูลใน 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ต.ค.) ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถส่งออกสินค้าได้ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ1.6 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อคิดจากมูลค่าการส่งออกของเอสเอ็มอีในรูปของเงินบาท

    “จีดีพีเอสเอ็มอีในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้น่าจะปรับตัวเป็นบวกหลังจากที่ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาติดลบมาโดยตลอด ทำให้จีดีพีของเอสเอ็มอีขยายตัวได้ประมาณ 0.5% ซึ่งถือว่าสูงกว่าปี 2552 ที่มีความรุนแรงทางการเมือง และใกล้เคียงกับปี 2554 ที่มีอุทกภัยที่จีดีพีเอสเอ็มอีขยายตัวได้ 0.6%”น.ส.วิมลกานต์กล่าว

    น.ส.วิมลกานต์ กล่าวว่า ที่ประชุมฯมีมติอนุมัติงบประมาณ 360 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใน 18 กลุ่มจังหวัด 54เครือข่าย รวมกว่า 10,000 ราย ที่มีการรวมกลุ่มกันเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมการทำธุรกิจในโครงการต่างๆดำเนินการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการที่มีการรวมกลุ่มที่ได้รับการสนับสุนนงบประมาณใส่วนนี้มีการรวมกลุ่มคลัสเตอร์ที่มีความหลากหลาย เช่น กลุ่มผลิตตัวถังรถบัส จ.ราชบุรี กลุ่มผลิตเสื้อผ้าแฟร์ชั่นส่งออก และกลุ่มผู้ผลิตถุงมือจากยางพารา เป็นต้น

    นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีไปดูแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนเอสเอ็มอีของประเทศไทยว่ามีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญกี่ประเด็นเพื่อให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลการดำเนินการส่งเสริมเอสเอ็มอีให้ครอบคลุมทุกด้าน โดยเบื้องต้น สสว.ได้มีการเสนอให้ตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลและธรรมาภิบาล ขณะที่ที่ประชุมได้มีการนำเสนอให้ตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนร่วมทุน (venture capital)เพื่อพิจารณาการนำเงินที่มีอยู่ในกองทุนฯประมาณ 1,700 ล้านบาทไปส่งเสริมการลงทุนของเอสเอ็มอีในระยะต่อไป

    อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้คณะกรรมการฯร่วมกัน พิจารณาแนวทางแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมเอสเอ็มอีให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้นเนื่องจากปัจจุบัน สสว.ได้ย้ายเข้ามาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงจะต้องมีการปรับองค์ประกอบในการทำงาน รวมทั้งพิจารณาองค์ประกอบของคณะกรรมการที่ปัจจุบันมีอยู่ 25 คน โดยอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของคณะกรรมการให้มีจำนวนมากขึ้น โดยเพิ่มผู้แทนของกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น

ที่มา ; กรุงเทพธุรกิจ

NEWS & TRENDS