อภิรดี" นำทัพ สศช.-บีโอไอ บุกแม่สอด 19-20 ธ.ค.นี้ ดันการค้าชายแดนปี 58 ให้ได้ตามเป้า 1.5 ล้านล้านบาท ด้าน "พาณิชย์" เตรียมแผนโรดโชว์จังหวัดชายแดนปี 58 เตรียมพร้อมเออีซี
อภิรดี" นำทัพ สศช.-บีโอไอ บุกแม่สอด 19-20 ธ.ค.นี้ ดันการค้าชายแดนปี 58 ให้ได้ตามเป้า 1.5 ล้านล้านบาท ด้าน "พาณิชย์" เตรียมแผนโรดโชว์จังหวัดชายแดนปี 58 เตรียมพร้อมเออีซี
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 19-20 ธ.ค. จะนำคณะประกอบด้วยผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) บีโอไอ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเดินทางไปแม่สอด จ.ตาก เพื่อประชุมร่วมกับจังหวัดทั้งภาครัฐและเอกชน ในการช่วยผลักดันการค้าชายแดนตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งเป้าหมายการค้าชายแดนในปี 2558 ให้มีมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท และช่วยผลักดันให้ตัวเลขส่งออกภาพรวมของไทยปี 2558 ขยายตัว 4%
ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดให้อำเภอแม่สอด และอีก 2 อำเภอ คือ อำเภอพบพระ และอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะแม่สอดซึ่งถือว่าเป็นด่านส่งออกอันดับ 1 ของไทยด้านชายแดนไทย-เมียนมา เป็นเมืองหน้าด่านที่มีมูลค่าการค้าชายแดนสูงที่สุดประมาณปีละ 6 หมื่นล้านบาท และอยู่ตรงข้ามกับเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา โดยรัฐบาลเมียนมาจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีเช่นกัน จึงมีความสอดคล้องและเกื้อหนุนที่จะส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนระหว่างกัน
"คณะผู้แทนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมเขตเศรษฐกิจเมียวดี รวมทั้งติดตามความคืบหน้าของการก่อสร้างเส้นทางระหว่างแม่สอด-เมียวดี-กอกะเร็กของเมียนมา เชื่อว่าจะช่วยให้การส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างไทยและเมียนมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปีละ 6 หมื่นล้านบาท เป็น 1 แสนล้านบาท"
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ในปี 2558 กรมมีแผนที่จะลงพื้นที่ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่มีพื้นที่ติดชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางด้านกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และมาเลเซีย เพื่อกระตุ้นและผลักดันให้ผู้ประกอบการของไทยใช้ประโยชน์จากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทั้งการชี้โอกาสในการทำการค้า การลงทุน การทำการค้าชายแดน การใช้ประโยชน์จากเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งมาตรการและกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุน
นอกจากนี้ กรมยังจะเข้าไปช่วยในการเตรียมความพร้อมด้านความรู้เกี่ยวกับการทำการค้า เช่น การขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร การตรวจคุณสมบัติทางด้านถิ่นกำเนิดสินค้า และการยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการวางแผนในการทำการค้าได้คล่องตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมลงพื้นที่ไปสร้างความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยแล้ว ได้แก่ ที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 130 ราย เนื่องจากจังหวัดสระแก้วมีอาณาเขตติดกับจังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา และมีมูลค่าการค้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการมีความตื่นตัวมากในการเข้าสู่เออีซี และมีแผนที่จะลงพื้นที่ไปยังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในวันที่ 18 ธ.ค.2557 เพื่อสร้างโอกาสการค้าในการเข้าสู่เออีซีให้กับผู้ประกอบการไทย
สำหรับยอดการค้าชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ (มาเลเซีย-เมียนมา-สปป.ลาว-กัมพูชา) ปี 2556 มีมูลค่าการค้ารวม 924,237.06 ล้านบาท และในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.) ปี 2557 มีมูลค่าการค้ารวม 812,281.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.49% จากช่วงเดียวกันของปี 2556
ส่วนการค้าไทย-เมียนมาในปี 2556 มีมูลค่าทั้งสิ้น 196,861.58 ล้านบาท โดยในปี 2557 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 173,636.18ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 แบ่งเป็นการส่งออก 77,664.62 ล้านบาท การนำเข้า 95,971.56 ล้านบาท สินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ น้ำมันดีเซล เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำมันเบนซิน เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และผ้าผืน เป็นต้น ในส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ โค กระบือ สุกร แพะ แกะ สัตว์น้ำ ไม้ซุง พืชน้ำมันและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์