ส.อ.ท.ห่วงขึ้นราคาก๊าซพรวดพราด ฉุดกำลังซื้อประชาชน แถมเศรษฐกิจไทยยังอ่อนปวกเปียก ชี้ปีนี้ไทยต้องพึ่งเศรษฐกิจในประเทศ-ค้าชายแดนเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แทนส่งออก
ส.อ.ท.ห่วงขึ้นราคาก๊าซพรวดพราด ฉุดกำลังซื้อประชาชน แถมเศรษฐกิจไทยยังอ่อนปวกเปียก ชี้ปีนี้ไทยต้องพึ่งเศรษฐกิจในประเทศ-ค้าชายแดนเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แทนส่งออก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ต้องการเสนอให้กระทรวงพลังงาน ชะลอการปรับขึ้นค่าก๊าซเอ็นจีวี และก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ปรับขึ้นราคาตามโครงสร้างราคาพลังใหม่อย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน และขณะนี้เศรษฐกิจของไทย ยังไม่แข็งแกร่ง ยิ่งทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ดีนัก เพราะปีนี้เป็นปีที่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งการค้าชายแดน การค้ากับประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี คือ ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนามเป็นหลัก
นอกจากนี้ต้องการให้ภาครัฐ พิจารณาการปรับลดค่าไฟในงวดหน้า (พ.ค.-ส.ค.) ให้มากกว่างวด ม.ค. -เม.ย. ที่ปรับลด 10.04 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากราคาน้ำมันปรับลดลงมาก และค่าก๊าซธรรมชาติ ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าก็ปรับลดลงเช่นกัน เพราะการปรับลดค่าไฟฟ้าที่ผ่านมา เห็นว่าน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับค่าน้ำมันที่ลดลง เนื่องจากหากปรับลดค่าไฟ ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตสินค้ามากกว่านี้ จะช่วยลดต้นทุนการผลิตของภาคเอกชน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
"ไม่ได้หมายความว่า เอกชนไม่เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่อยากให้ค่อย ๆ ทยอยปรับขึ้นราคา เพราะตอนนี้ก็ปรับขึ้นราคามาพอสมควรแล้ว แต่ถ้าจะให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงโดยเร็ว จะยิ่งส่งผลกระทบกับกำลังซื้อของประชาชน เพราะไทยมีการอุดหนุนราคามานาน จึงอยากให้ค่อย ๆ ทยอยปรับขึ้นราคา เพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว และตอนนี้เศรษฐกิจไทย ยังไม่ค่อยแข็งแกร่ง ถ้ารอให้แข็งแกร่งกว่านี้ แล้วค่อยปรับตามต้นทุนที่แท้จริง"
สำหรับการส่งออกปีนี้ ยังไม่สามารถพึ่งพาได้มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจคู่ค้ายังไม่ฟื้นตัวมากนัก มีเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่เริ่มฟื้น ขณะที่ญี่ปุ่น สหหภาพยุโรป (อียู) จีนเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นมากนัก จึงต้องพึ่งพาการค้าชายแดน และประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี รวมทั้งประเทศกลุ่มบลิคส์ ได้แก่ ประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกา เป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมีอิทธิมากขึ้นต่อเนื่อง
ที่มา : เดลินิวส์