นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยยังไม่เจอภาวะถดถอย

น.ส.นลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/58 โดยมองว่า ข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจไทยคือไม่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย



    น.ส.นลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/58 โดยมองว่า ข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจไทยคือไม่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยทั้งในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปี’57 เติบโต 1.1% ต่อไตรมาสเมื่อปรับผลของฤดูกาลแล้ว (แม้ว่าในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี เศรษฐกิจจะเติบโตเพียงแค่ 0.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ข่าวร้ายก็ยังหลงเหลืออยู่ คือ อัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังต่ำมาก ถึงแม้ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม

    นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัวอย่างจำกัดจากหนี้ครัวเรือนที่สูง และรายได้เกษตรกรที่ต่ำ ขณะที่การส่งออกยังไม่สดใสในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกที่ยังอ่อนแอบวกกับราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้า คือ ความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่ยังอ่อนแอ และความล่าช้าในการใช้มาตรการการคลังบางอย่างเพราะกรอบการอนุมัติที่ใช้เวลานาน

    ดังนั้นช่วงกลางเดือนธ.ค.2557 ที่ผ่านมา เอชเอสบีซีได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี2557 และปี 2558 เหลือ 0.5% และ 3.9% ตามลำดับ จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.0% และ 4.5% นอกจากนี้ ยังคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75% ภายในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าหนี้ครัวเรือนจะยังอยู่ในระดับสูงและยังคงน่าเป็นห่วง แต่การเติบโตของสินเชื่อครัวเรือนที่ชะลอลงทำให้ผู้ดำเนินนโยบายการเงินคลายความกังวลลงบ้าง นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปน่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1.0% ในครึ่งแรกของปี 2558 และเปิดโอกาสให้อัตราดอกเบี้ยสามารถปรับตัวลงได้อีก

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจะเริ่มต้นปี’58 จากระดับต่ำ แต่เศรษฐกิจน่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยมีปัจจัยหนุนหลักมาจากการลงทุนภายในประเทศ และการท่องเที่ยว ในขณะที่คาดว่าการส่งออกสินค้าจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นจากปีก่อน แต่ผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจะถูกลดทอนลงจากการนำเข้าที่น่าจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน ซึ่งเป็นผลจากความต้องการลงทุนที่ฟื้นตัวกลับมา

    “เราคาดว่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ นอกจากจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศและการจ้างงานให้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น และส่งเสริมให้มีการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น เช่น การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวรถไฟฟ้าสายใหม่แถบใจกลางเมือง” นักเศรษฐศาสตร์ เอชเอสบีซี ประเทศไทย ระบุ

ที่มา แนวหน้า

NEWS & TRENDS