กสอ.ขานรับนโยบายเทงบ 100 ล้านขับเคลื่อน Digital SMEs

กสอ. เปิดศักราชการส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยุคใหม่โชว์แนวคิด “ดิจิทัลเอสเอ็มอี (Digital SMEs)” ขานรับนโยบายยุคดิจิทัลอีโคโนมี ตั้งเป้านำร่อง 5 แผนงานสู่กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศที่มีกว่า 2.76 ล้านราย พร้อมปรับงบประมาณจำนวน 100.45 ล้านบาท มาดำเนินการในเรื่องดังกล่าว



    กสอ. เปิดศักราชการส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยุคใหม่โชว์แนวคิด “ดิจิทัลเอสเอ็มอี (Digital SMEs)” ขานรับนโยบายยุคดิจิทัลอีโคโนมี ตั้งเป้านำร่อง 5 แผนงานสู่กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศที่มีกว่า 2.76 ล้านราย พร้อมปรับงบประมาณจำนวน 100.45 ล้านบาท มาดำเนินการในเรื่องดังกล่าว

    นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่รัฐบาล ได้ให้ความสำคัญต่อเศรษฐกิจดิจิทัลโดยมุ่งเน้นการผลิตและการค้าผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ตลอดจนการใช้ดิจิทัลรองรับการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์  กสอ. จึงได้สนองนโยบายรัฐบาลในประเด็นดังกล่าวโดยนำดิจิทัลเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนผู้ประกอบการโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม SMEs ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่สามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT มาใช้ในธุรกิจได้  เนื่องจากขาดความรู้  ความเข้าใจ  และทักษะในการใช้ประโยชน์จาก ICT  

     ทั้งนี้ กสอ. ได้จัดสรรงบประมาณ 100.45 ล้านบาท มาใช้ในการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมภายใต้กรอบแนวคิด ดิจิทัลเอสเอ็มอี (Digital SMEs) ด้วยการปรับกิจกรรมโครงการต่างๆ ให้เหมาะสมกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเป็นระบบ 5 ด้าน ดังนี้

    1. การสร้างผู้ประกอบการใหม่ด้านดิจิทัล (New Digital Entrepreneur) เป็นการให้ความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมแก่ผู้ประกอบการธุรกิจ IT เช่น กลุ่มผู้เขียนApplication และเกมส์ต่างๆ บน  Smartphone หรือ กลุ่มฟรีแลนซ์ทำ Animation/Graphic Design ต่างๆ ให้สามารถเริ่มต้นและดำเนินธุรกิจได้  โดยมีเป้าหมาย 500 คน รวมทั้งปรับหลักสูตร “โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่” (NEC)  ให้มีเนื้อหาหลักสูตรที่ทันสมัยและครอบคลุมความรู้ด้าน IT ให้มากขึ้นมีเป้าหมาย 1,000 คน


    2. เอสเอ็มอีอัจฉริยะ (Intelligence SMEs) เป็นการนำ IT มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพของธุรกิจSMEs ด้วยการใช้ระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP ในการบริหารด้านต่าง ๆ การจัดการ Supply Chain และสต็อคสินค้า การเพิ่มศักยภาพทางการตลาดผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและสังคมออนไลน์ รวมถึงการให้ทุนสมทบจ้างที่ปรึกษาปรับปรุงธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพมีเป้าหมายรวม 480 กิจการ  

    3. ดิจิทัลเพื่อวิสาหกิจชุมชน (Digital OTOP) โดยส่งเสริมให้กลุ่มผู้ผลิตสินค้า OTOP ที่มีศักยภาพสามารถทำการตลาดด้วยสื่อดิจิตอลและสื่อออนไลน์  ผ่านกระบวนการอบรมและให้คำปรึกษาแนะนำในการใช้สื่อออนไลน์การจัดทำเว็บไซต์รูปแบบอีคอมเมิร์ซ และสื่อสังคมออนไลน์โดยกำหนดเป้าหมายที่กลุ่มรักษ์ภูมิปัญญาที่มีศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดระดับสากลเพื่อนำเสนอวัฒนธรรม อัตลักษณ์และภูมิปัญญา ที่นำมาใช้สร้างสรรค์และออกแบบผลิตภัณฑ์ในเบื้องต้นอย่างน้อย 70 ผลิตภัณฑ์

    4. การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ดิจิทัล (Digital Knowledge Society)เป็นการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจและมีองค์ความรู้ในด้าน IT และการดำเนินธุรกิจกิจโดยใช้ประโยชน์จากสื่อดิจิทัลผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน และการอบรมสัมมนาในหลักสูตร เช่น “Digital Marketing  การตลาดแห่งอนาคต”และ “เปิดร้านออนไลน์แบบเข้าใจมีชัยแน่นอน”เป็นต้น  โดยมีเป้าหมายผู้ประกอบการในเครือข่าย 1,000 ราย
  
    5. การพัฒนาที่ปรึกษาธุรกิจโลกไซเบอร์ (Cyber Service Provider) เป็นการอบรมพัฒนากลุ่มที่ปรึกษาธุรกิจจำนวน 60 คนให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการดำเนินธุรกิจในโลกออนไลน์ โดยมีเนื้อหาการอบรมที่เน้นการประยุกต์ใช้ระบบ ERPการใช้อีคอมเมิร์ซ  การทำตลาดออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้ ที่ปรึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะได้เรียนรู้ทั้งในด้านทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติโดยการให้บริการปรึกษาแนะนำต่อ SMEs ด้วย

    นอกจากการส่งเสริมผู้ประกอบการแล้ว กสอ. ยังมีแผนในการปรับปรุงระบบเครือข่ายเพื่อเชื่อมโยงหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการให้บริการในด้านต่างๆ เช่น การรับสมัครเข้าร่วมการอบรมสัมมนาออนไลน์ การสมัครสมาชิก กสอ. ออนไลน์ ห้องสมุด e-library ของกรมฯ  เป็นต้น

    ในการขับเคลื่อนดิจิทัลเอสเอ็มอี (Digital SMEs) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในครั้งนี้  จะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายที่มีศักยภาพและมีความเชี่ยวชาญในเรื่องดิจิทัลเทคโนโลยี เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) คณะเทคโนโลยีสารสนเทศของสถาบันการศึกษาต่างๆ 

    ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าสู่การประกอบธุรกิจได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องมีร้านค้า การทำธุรกรรมข้ามแดนจะมีปริมาณและมูลค่าสูงขึ้น การต่อยอดการผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคจะทำได้อย่างกว้างขวางขึ้นและเข้าถึงได้ทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นและเกิดงานลักษณะใหม่ๆ อันเป็นผลจากการเกิดรูปแบบธุรกิจใหม่บนโลกอินเตอร์เน็ต การวิเคราะห์และจัดการข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ การลดต้นทุนการประกอบการ อีกทั้งจะเป็นปัจจัยเอื้อที่ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงการเรียนรู้ได้ง่ายและแพร่หลายขึ้นอันจะนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมด้วยนายอาทิตย์กล่าวสรุป


NEWS & TRENDS