"เอสเอ็มอีแบงก์"ถก"สศค."ขอผ่อนปรนเกณฑ์ให้สินเชื่อย่อยตามนโยบายซูเปอร์บอร์ด 1 ปี สำหรับลูกค้ายื่นขอกู้ค้างท่อ
"เอสเอ็มอีแบงก์"ถก"สศค."ขอผ่อนปรนเกณฑ์ให้สินเชื่อย่อยตามนโยบายซูเปอร์บอร์ด 1 ปี สำหรับลูกค้ายื่นขอกู้ค้างท่อ
นายสุพจน์ อาวาส กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า วันที่ 22 ม.ค.นี้ จะไปหารือกับทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ถึงแนวทางการขอเบิกเงินชดเชยหนี้เสียที่เกิดจากโครงการภาครัฐ หรือ พีเอสเอ จากกระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้ธนาคารมีหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลอยู่ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท เป็นหนี้เสียจากโครงการพีเอสเอ 2.6 พันล้าน ได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว 600 ล้านบาท จึงเหลือ 2 พันล้านบาท
ก่อนหน้านี้ธนาคารได้หารือ สศค. ไปบ้างแล้ว แนวทางเบื้องต้น ทาง สศค. อยากให้มีการเบิกเมื่อสิ้นสุดโครงการไปแล้ว ในระหว่างนี้ให้ธนาคารเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ไปก่อน เมื่อจบโครงการแล้วเหลือเท่าใด จึงมาขอเบิกเงินชดเชย ซึ่งโครงการพีเอสเอ มี 2 โครงการคือ สินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมือง สิ้นสุดปี 2559 และ สินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้ สิ้นสุดปี 2560
นอกจากนี้ธนาคารยังจะหารือกับ สศค. เพื่อขอผ่อนปรนเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด สำหรับลูกค้าที่อยู่ระหว่างขออนุมัติสินเชื่อ หรือสินเชื่อที่ยังค้างท่ออยู่ วงเงินรวม 1.5 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเดิม และเป็นสินเชื่อรายใหญ่เกิน 15 ล้านบาท
พร้อมกับขอผ่อนปรนสำหรับลูกค้าเดิม ที่เปิดวงเงินกู้เกิน 15 ล้านบาท ซึ่งได้ชำระหนี้เข้ามาจนมียอดหนี้ลดลง ขอให้ปล่อยกู้ตามวงเงินเดิมได้ โดยการขอผ่อนปรนนี้เป็นการขอผ่อนปรนในช่วงระยะสั้น หรือแค่ 1 ปี เพราะช่วงนี้ลูกค้ายังมีความจำเป็นต้องใช้สินเชื่อในการดำเนินธุรกิจต่อไป
"การขอผ่อนปรนเกณฑ์การปล่อยกู้ เอสเอ็มอีแบงก์ได้หารือกับทางสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ไปบ้างแล้ว และจะต้องหารือกับทางสศค.ด้วย ก่อนจะทำเรื่องนำเสนอไปยังซููเปอร์บอร์ดให้ความเห็นชอบต่อไป
นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า เอสเอ็มอีแบงก์จะหารือกับ สศค. เรื่องการจ่ายโบนัสของพนักงานในปี 2556 ที่ยังค้างอยู่ว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนโบนัสปี 2557 มีการจ่ายแน่นอน พร้อมกับการปรับขึ้นเงินเดือน 3% โดยจะจ่ายก่อน 1 เดือน พร้อมขึ้นเงินเดือนในเดือนม.ค.นี้ ส่วนที่เหลือจะได้เท่าไหร่นั้น จะมีการจ่ายใน 6 เดือนหลังของปี
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ