กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดินหน้าคลายปมปัญหาการทำธุรกิจที่คาใจสังคม สร้างมาตรฐาน ภาคธุรกิจต้องโปร่งใส รุดตรวจสอบธุรกิจที่ทำบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่หวั่นที่จะบังคับใช้กฎหมายภายใต้อำนาจของกรมฯ อย่างจริงจัง พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลผู้กระทำผิดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดินหน้าคลายปมปัญหาการทำธุรกิจที่คาใจสังคม สร้างมาตรฐาน ภาคธุรกิจต้องโปร่งใส รุดตรวจสอบธุรกิจที่ทำบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่หวั่นที่จะบังคับใช้กฎหมายภายใต้อำนาจของกรมฯ อย่างจริงจัง พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลผู้กระทำผิดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ข่าว ด้านเศรษฐกิจในสังคมไทยที่ผ่านมาได้เกิดความเคลื่อนไหวมากมายเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของนิติบุคคล ที่อาจจะส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจหรือสร้างความเคลือบแคลงสงสัยในสังคมไทย เช่น กรณีแชร์ลูกโซ่ การจดทะเบียนของนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนจำนวนเงินสูงผิดปกติโดยที่ไม่เงินทุนเข้ามาในกิจการจริง หรือแม้กระทั่งการยักยอกทรัพย์กรณีของสถาบันพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ทั้งหมดนี้ถือเป็นภารกิจสำคัญด้านหนึ่งของกรมฯ ซึ่งจะใช้อำนาจตามกฎหมายเข้าไปตรวจสอบการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้าง ความโปร่งใสในการทำธุรกิจและกำกับธรรมาภิบาลของภาคธุรกิจให้เป็นไปอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจสอบไปยังพันธมิตรที่เกี่ยวข้องอาทิ กรมสรรพากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อีกด้วย
จากภารกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าซึ่งเป็นต้นสายปลายทางในการดำเนินธุรกิจมีหน้าที่สำคัญ ในการพัฒนาและสร้างศักยภาพของภาคธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน สามารถแข่งขันได้ในเวทีสากล รวมทั้งการกำกับดูแลธุรกิจเพื่อสร้างธรรมาภิบาลให้แก่ภาคธุรกิจไทย ทั้งนี้ กรมฯ ได้กำหนดเป้าหมายการตรวจสอบทางบัญชีของภาคธุรกิจกว่า 300,000 ราย ทั่วประเทศภายในปี 2558 เพื่อให้มีการจัดทำบัญชีและ งบการเงิน ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินและตามความเป็นจริง โดยเฉพาะกลุ่มที่จดทะเบียนโดยใช้วงเงินสูง จะมีการตรวจสอบเข้มข้นมากขึ้น
สำหรับผลการตรวจสอบธุรกิจจำนวน 13,000 รายในช่วงไตรมาสแรก (ตุลาคม-ธันวาคม 2557) โดยวิเคราะห์จากข้อมูลงบการเงินที่นำส่งกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและการเรียกบัญชีธุรกิจมาตรวจสอบ การจัดทำบัญชีพบว่า ร้อยละ 97.63 ของงบการเงินไม่พบข้อบกพร้องใดๆ อย่างไรก็ดี กรมฯ ได้วิเคราะห์ลึกลงไปจากการเรียกบัญชีธุรกิจมาตรวจสอบพบว่า ร้อยละ 15 มีการจัดทำบัญชีถูกต้องแต่มีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และร้อยละ 80 ได้กระทำผิดกฎหมายโดยฝ่าฝืนคำสั่งสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชี ซึ่งธุรกิจในกลุ่มนี้จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ นอกจากนี้จะถูกติดตามในปีถัดไป รวมทั้งกรมฯ จะจัดส่งรายชื่อธุรกิจกิจดังกล่าวที่กระทำผิดกฎหมายไปยังกรมสรรพากรและสภาวิชาชีพเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป